วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2563

จ้างที่ปรึกษามาเพื่อกำจัดลูกชัง


            ปกติบริษัทมักจะจ้างที่ปรึกษาเข้ามาให้คำแนะนำในองค์ความรู้หรือประสบการณ์ที่บริษัทนั้นยังไม่มี หรือมีแต่ยังไม่เพียงพอ ซึ่งการใช้บริการที่ปรึกษาก็มีหลายรูปแบบไม่ว่าจะจ้างเข้ามาเป็นวัน ๆ เช่น ในหนึ่งสัปดาห์ต้องเข้ามาให้คำปรึกษากี่วัน หรือการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำโครงการโครงการหนึ่งในระยะเวลาหนึ่งพอที่ปรึกษาทำโครงการนั้น ๆ เสร็จสิ้นก็ปิดจ็อบรับเงินจบกันไป แล้วบริษัทก็นำโครงการนั้นไปดำเนินการต่อ

            เป็นเรื่องแปลกแต่จริงว่ายังมีบางแห่งจ้างที่ปรึกษาเข้ามาแบบมีวาระแอบแฝง คือต้องการทั้งผลงานจากที่ปรึกษาเพื่อนำมาใช้งานของบริษัทกับต้องการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับกำจัดคนที่บริษัทไม่ต้องการออกไปด้วย

            หรือเรียกตามสุภาษิตไทย ๆ ว่า “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” ก็ว่าได้ครับ

            มีวิธีทำยังกันบ้างเรามาดูกันดังนี้ครับ

1.      จ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำงานแบบรายปี เช่นตกลงกันว่าให้ที่ปรึกษาเข้ามาทำงานสัปดาห์ละ 2 วัน แล้วกำหนดให้พนักงานที่บริษัทเห็นว่ามีปัญหาเป็นคนเข้าไปขอคำปรึกษาแนะนำในการแก้ปัญหาหรือให้ที่ปรึกษาเข้ามาติดตามการบ้านที่ฝากพนักงานคนดังกล่าวเอาไว้ทุกครั้งที่ที่ปรึกษาเข้ามาบริษัท โดยที่ปรึกษาจะประเมินตัวพนักงานแต่ละรายว่ามีผลการปฏิบัติงาน, ทัศนคติ, ศักยภาพ ฯลฯ เป็นยังไงบ้าง สมควรจะให้ทำงานต่อไปหรือไม่ เรียกว่าให้ที่ปรึกษาช่วยยืนยันความคิดของฝ่ายบริหารอีกทีก็ว่าได้

2.      จ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำงานโครงการใดโครงการหนึ่ง แล้วให้พนักงานที่บริษัทกำหนดไว้เข้ามาเป็นผู้ประสานงานและรับผิดชอบโครงการตั้งแต่ต้นและรับช่วงต่อภายหลังจากจบโครงการแล้ว ซึ่งกรณีนี้ฝ่ายบริหารก็จะประเมินว่าพนักงานดังกล่าวมีศักยภาพที่สามารถรับช่วงโครงการนั้น ๆ ต่อไปได้ด้วยดีมากน้อยแค่ไหน ถ้าทำได้ดีก็ทำต่อไปแต่ถ้าไม่สามารถรันโครงการนั้นต่อไปได้ก็มีโอกาสตกงานแหละครับ

ทั้งสองรูปแบบข้างต้นถ้าบริษัททำโดยไม่มีอคติหรือตั้งธงเอาไว้ก่อนว่าต้องการจะใช้ที่ปรึกษาเป็นเครื่องมือกำจัดพนักงานบางคนออก แต่ต้องการให้ที่ปรึกษาเข้ามาให้คำปรึกษาและประเมินพนักงานกลุ่มเป้าหมายแบบ Cross Check ศักยภาพของพนักงานดังกล่าวให้ฝ่ายบริหารแน่ใจว่าประเมินไม่ผิดพลาดผมก็ว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องเสียหายอะไรนะครับ

เข้าทำนอง “ทองแท้ไม่กลัวไฟ” ถ้าพนักงานคนไหนมีขีดความสามารถมีศักยภาพที่ดีย่อมไม่กลัวการพิสูจน์ฝีมืออยู่แล้ว

แต่ปัญหาที่อาจจะเกิดได้ในบางบริษัทคือบริษัทที่มีธงชัดเจนอยู่แล้วว่าต้องการกำจัดพนักงานคนใดคนหนึ่งออกจากบริษัท (ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นผู้บริหารด้วยกัน) แล้วก็จะจ้างที่ปรึกษาเข้ามาทำงานพร้อมกับมอบหมายให้ผู้บริหารที่เป็นลูกรักที่มีความเข้าใจในงานนั้นโดยตรงและลูกชังเข้าไปประสานงานทำงานกับที่ปรึกษาทั้ง ๆ ที่โครงการนั้นก็ไม่ใช่งานโดยตรงของผู้บริหารที่เป็นลูกชัง

พอลูกชังไม่สามารถปฏิบัติงานได้ดีตามที่ฝ่ายบริหารมอบหมายก็จะได้ใช้เป็นสาเหตุบีบลูกชังทางอ้อมแบบหมาป่ากับลูกแกะ เช่น ประเมินผลการปฏิบัติงานว่าขาดศักยภาพขาดผลงานทำงานไม่ได้ตามที่ได้รับมอบหมายซึ่งก็จะมีผลกับการขึ้นเงินเดือนได้น้อยหรือไม่ได้เลย, ไม่ได้รับโบนัสหรือได้รับน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริหารคนอื่นจนลูกชังต้องถอดใจลาออกไปเอง หรืออาจจะแจ้งเลิกจ้างในกรณีที่บีบแล้วยังไม่ยอมลาออก

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผมได้ฟังมาจากผู้บริหารที่ผมเคยเข้าไปทำ Inhouse Training ในแต่ละบริษัทเล่าให้ฟังเห็นว่าแปลกดีก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง แต่ผมเองก็ยังไม่เคยพบว่าตัวเองถูกใช้เป็นเครื่องมืออย่างที่เล่ามาข้างต้น

คนที่เป็นที่ปรึกษาจึงควรจะต้องเท่าทันบริษัทผู้ว่าจ้างด้วยเหมือนกันนะครับว่าเรากำลังกลายเป็นเครื่องมือในการกำจัดลูกชังของฝ่ายบริหารของบริษัทผู้ว่าจ้างด้วยหรือไม่ เพื่อจะได้ทำงานและวางตัวได้อย่างเหมาะสม มีจรรยาบรรณของการเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่จะไม่เข้าไปอยู่ในวังวนของการเมืองในองค์กรของบริษัททำนองนี้ด้วยนะครับ

……………………………..