การลากิจจะต้องเป็นการลาไปทำกิจธุระที่จำเป็นด้วยตนเองที่ไม่สามารถจะมอบหมายให้ใครไปทำแทนได้
เช่น การลาไปโอนที่ดิน (กรณีไปซื้อขายที่ดิน) ที่จะต้องไปเซ็นเอกสารต่าง ๆ
ด้วยตนเอง, การลาบวช, การลาไปแต่งงาน, ลาดูแลบิดา มารดา คู่สมรส บุตร
ที่ป่วยหนักและไม่มีคนดูแล, ลาไปรับปริญญา เป็นต้น
ซึ่งบริษัทจะต้องเขียนข้อบังคับการทำงานเกี่ยวกับการลากิจให้ชัดเจนว่าสิทธิในการลากิจของพนักงานเป็นอย่างไร
แบบไหนคือลากิจแบบไหนไม่ใช่การลากิจ บริษัทจะไม่อนุญาตให้พนักงานลากิจในกรณีไหนบ้าง
บริษัทจะอนุมัติการลากิจแบบไม่จ่ายค่าจ้างในกรณีไหน ฯลฯ
แม้ว่าตามกฎหมายแรงงานพนักงานมีสิทธิลากิจได้ไม่น้อยกว่าปีละ
3 วันทำงานโดยได้รับค่าจ้างก็จริง
แต่ถ้าพนักงานไม่ได้ลาเพื่อไปทำกิจธุระด้วยตัวเองจริงตามระเบียบข้อบังคับการลากิจของบริษัท บริษัทก็มีสิทธิที่จะไม่อนุญาตให้ลากิจได้ครับ จึงควรเขียนเงื่อนไขและรายละเอียดเกี่ยวกับการลากิจเอาไว้ในข้อบังคับการทำงานให้ชัดเจนจะได้ไม่ต้องมาตามแก้ปัญหากันภายหลัง
เพราะการลากิจคงไม่ใช่การลาเพื่อไปพักผ่อน ลาไปเที่ยว
ลาไปกินเหล้าสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ฯลฯ จริงไหมครับ
ดังนั้นคนที่เป็นหัวหน้าจำเป็นจะต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในการลากิจของลูกน้องตัวเองให้ดีว่าเป็นการลากิจตามเจตนารมณ์ตามระเบียบจริงหรือไม่
เพราะหากอนุมัติให้ลูกน้องลากิจโดยที่ไม่ใช่กิจธุระจริง เช่น อนุมัติให้ลูกน้องลากิจเพื่อไปเที่ยวโดยนำมารวมกับวันหยุดพักผ่อนประจำปี
อย่างนี้ก็จะทำให้ลูกน้องคนอื่นเอาอย่างแบบ Me too และเกิดปัญหาในการบริหารจัดการต่อไป
.................................