วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

นักศึกษากับปัญหาการฝึกงาน


            ทุกวันนี้สถาบันการศึกษามักจะส่งนักศึกษาที่เรียนปีสุดท้ายไปฝึกงานตามบริษัท หน่วยงานภาครัฐโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการให้นักศึกษาฝึกงานได้เรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานจริงก่อนที่จะจบการศึกษาโดยทั่วไปก็มีระยะเวลาฝึกงานประมาณ 2 เดือนถ้าเป็นการฝึกงานแบบสหกิจศึกษาก็อาจจะใช้เวลามากกว่านี้เพื่อไปฝึกงาน

            ส่วนบริษัทหรือองค์กรที่ฝึกงานให้นักศึกษาก็จะต้องประเมินผลการฝึกงานแล้วส่งผลไปให้อาจารย์ทราบว่านักศึกษามาฝึกงานแล้วมีผลการทำงานในระหว่างฝึกงานเป็นยังไงบ้าง ซึ่งก็จะมีผลกับเกรดของตัวนักศึกษาที่มาฝึกงานด้วย

            ถ้าเรามองวัตถุประสงค์ของการฝึกงานแบบที่ผมบอกมานี้มันก็น่าจะเป็นประโยชน์กับตัวนักศึกษาเองที่จะได้มีโอกาสเรียนรู้งานจากของจริงก่อนจบเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่โลกการทำงานในชีวิตจริง

            ส่วนองค์กรที่ฝึกงานให้นักศึกษาก็เปรียบเสมือนเป็น “ผู้ให้” ที่ให้ความรู้และประสบการณ์จริงกับนักศึกษาก็ถือว่าเป็นงานด้าน CSR (Corporate Social Responsibility) ขององค์กรไปด้วยในตัว

            แต่...

          วัตถุประสงค์ที่ดูดีที่ผมบอกมานั้นก็จะเกิดผลสัมฤทธิ์ได้ในบางองค์กรที่มีระบบและมีแผนการสอนงานหรือมีแผนการฝึกงานที่ดีสำหรับนักศึกษาฝึกงานเท่านั้น !!

            ในขณะที่ยังมีองค์กรที่ไม่มีแผนการฝึกงานจึงทำให้เกิดปัญหาในการฝึกงานอย่างที่ผมจะเอามาเล่าสู่กันฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์ดังนี้ครับ

1.      ใช้งานนักศึกษาฝึกงานแบบพนักงานประจำ โดยให้มาทำงานทดแทนในตำแหน่งงานที่พนักงานเดิมลาออกไปโดยไม่มีการสอนงาน จะมีเพียงพนักงานมาบอก ๆ สั่ง ๆ ให้ทำงานตามที่บอกให้เสร็จเท่านั้นเรียกว่าใช้งานนักศึกษาเหมือนพนักงานประจำเลยแหละ

2.      ยิ่งกว่านั้นบางองค์กรก็ให้นักศึกษาทำงานล่วงเวลาคือทำงานให้เสร็จตามที่สั่งโดยไม่มีค่าล่วงเวลา ค่าพาหนะให้ เรื่องการให้นักศึกษาฝึกงานทำงานล่วงเวลานี่ผมเคยบทความไว้ก่อนหน้านี้แล้วครับไปค้นดูในกูเกิ้ลได้

3.      ไม่จ่ายค่าฝึกงานให้นักศึกษาฝึกงานแม้แต่บาทเดียวเพราะถือว่าบริษัทมีบุญคุณกับนักศึกษา บริษัทฝึกงานให้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว ถ้าบริษัทประเมินผลการฝึกงานให้ไม่ดีนักศึกษาก็ไม่จบการศึกษาบุญคุณล้นเหลือเลยนะเนี่ยะ

4.      ไม่มีการประกันอุบัติเหตุจากการฝึกงาน

5.      ให้นักศึกษาฝึกงานเข้าทำงานเวรดึก เช่น เข้างานสี่ทุ่มถึงเช้าโดยอ้างว่าเพื่อให้นักศึกษาฝึกงานได้เรียนรู้ชีวิตการทำงานจริงทั้ง ๆ ที่จัดให้นักศึกษาฝึกงานเข้างานตอนกลางวันตามปกติก็ได้แต่ก็ไม่ทำ เพราะพนักงานที่ต้องเข้ากะดึกลาออกจึงต้องให้นักศึกษามาทำงานแทน

6.      บางบริษัทก็ให้จัดให้มีพี่เลี้ยงแต่ไม่เคยมีการฝึกเทรนพี่เลี้ยงให้รู้ว่าจะต้องสอนงานอะไรให้กับนักศึกษาฝึกงานบ้าง ซึ่งพี่เลี้ยงจำเป็น (และจำใจเนื่องจากหัวหน้าสั่งว่าต้องเป็นพี่เลี้ยง) เหล่านี้ก็ไม่รู้ว่าจะสอนงานอะไรให้กับนักศึกษา (เพราะไม่มีแผนการสอนงานมาก่อน) ก็เลยทำงานของตัวเองเสียเป็นส่วนใหญ่อาจจะเดินมาบอก ๆ สั่ง ๆ เอางานอะไรมาให้นักศึกษาฝึกงานทำบ้างเป็นครั้งคราว พอนักศึกษาฝึกงานทำงานเสร็จตามสั่งไม่รู้จะให้ทำอะไร ก็ให้นักศึกษาฝึกงานนั่งเฝ้าโต๊ะเป็น Desk Manager ทำให้นักศึกษาฝึกงานได้งีบหลับชาร์ทพลังตอนบ่าย ๆ เป็นประจำ หรือไม่งั้นก็ไถเฟซบุ๊ค ไถไลน์ไปเพลิน ๆ จนกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน

7.      จากข้อ 5 นอกจากให้นักศึกษาเป็น Desk Manager แล้วก็ยังตั้งให้เป็น Xerox Manager คือให้คอยวิ่งถ่ายเอกสาร หรือเป็น Pantry Manager คือมีหน้าที่คอยชงกาแฟและล้างแก้วกาแฟเพิ่มอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย

            ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมานะครับ แต่เป็นเรื่องที่เกิดมานมนานหลายสิบปีแล้ว จนกระทั่งถึงวันนี้ก็ยังอยู่ในวงจรแบบนี้อยู่และไม่มีกฎหมายใดที่คุ้มครองการเอาเปรียบนักศึกษาฝึกงานที่ชัดเจนจึงเป็นช่องโหว่ที่ทำให้เกิดการเอาเปรียบแรงงานกับนักศึกษาฝึกงาน

            ผมเลยอยากจะเสนอแนะว่า....

          ถ้าบริษัทไหนไม่มีแผนในการฝึกงานให้ชัดเจน, ไม่มีพี่เลี้ยงที่มีทักษะในการสอนงานที่จะคอยสอนงานให้กับน้อง ๆ นักศึกษา, รับนักศึกษามาแต่ไม่ได้ฝึกงานให้จริงแล้วให้มานั่งว่าง ๆ ไปวัน ๆ ,ไม่จ่ายค่าฝึกงานให้กับนักศึกษาฝึกงาน หรือบริษัทที่คิดจะนำเอานักศึกษาฝึกงานมาใช้แรงงานฟรี ๆ เพื่อทดแทนพนักงานที่ขาด ฯลฯ

          อย่าทำบาปให้กับอนาคตของชาติด้วยการรับนักศึกษาเข้ามาฝึกงานเลยนะครับ!!

            อยากให้ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้ได้คิดดูสักนิดนึงว่าถ้าเรามีลูกมีหลานแล้วลูกหลานของเราได้รับการฝึกงานแบบเอาเปรียบแรงงานอย่างที่ผมบอกมาข้างต้นเราจะรู้สึกยังไง

            และถ้าเราเป็นนักศึกษาฝึกงานที่ถูกกระทำแบบนี้เราจะรู้สึกยังไง?

            ใจเขา-ใจเรานะครับ

            ผมก็ไม่รู้ว่าถ้าผู้บริหารขององค์กรที่ไม่มีแผนการฝึกงานหรือที่ยังเอาเปรียบแรงงานจากช่องโหว่ในเรื่องนี้ได้อ่านเรื่องนี้แล้วจะคิดแก้ไขปรับเปลี่ยนการฝึกงานให้ดีขึ้นบ้างหรือไม่ แต่อย่างน้อยผมก็ได้เป็นส่วนหนึ่งที่นำเรื่องที่ถูกซุกเอาไว้ใต้พรมที่ไม่มีใครรับเป็นเจ้าภาพดูแลมาเล่าสู่กันฟังในสื่อสาธารณะอย่างงี้แหละครับ

            และสำหรับสถาบันการศึกษาควรจะมี Black List องค์กรที่เอาเปรียบแรงงานโดยใช้ให้นักศึกษาฝึกงานทำงานทดแทนพนักงานประจำหรือให้นักศึกษาฝึกงานทำงานล่วงเวลาเอาไว้ด้วย

          ถ้าองค์กรไหนไม่มีระบบและแผนการฝึกงานที่ชัดเจนแล้ว ทางสถาบันการศึกษาก็อย่าส่งนักศึกษาไปฝึกงานกับองค์กรที่ขาดจริยธรรมเหล่านี้เพื่อให้เขาเอาเปรียบลูกหลานของเราอีกต่อไปเลยนะครับ

…………………………….