ผมเคยเขียนเรื่องนี้มาเมื่อหลายปีที่แล้ว (ไม่ต่ำกว่า 5 ปีมาแล้ว) แต่มาจนถึงทุกวันนี้ปัญหาการจัดฝึกอบรมแบบสูญเปล่าก็ยังมีให้เห็นอยู่ในหลาย
ๆ องค์กรทั้งภาครัฐ, รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน
ลองสำรวจองค์กรของท่านดูไหมครับว่าปัจจุบันเป็นอย่างนี้อยู่หรือเปล่า?
1.
มีแผนการฝึกอบรมแบบระยะสั้นคือแผนฝึกอบรมแบบปีต่อปี
ไม่ว่าจะมีการสำรวจหา Training
Need หรือไม่ก็ตาม แล้วฝ่าย HR ก็จะทำแผนประมาณว่าปีหน้าองค์กรของเราจะมีหลักสูตรฝึกอบรมอะไรบ้างให้กับพนักงาน,
จัดกี่หลักสูตร, กี่รุ่น, รุ่นละกี่คน, จัดในเดือนไหน,
งบประมาณในการจัดต่อรุ่นเท่าไหร่, รวมทั้งหมดทุกหลักสูตรในปีหน้าจะใช้งบประมาณเท่าไหร
2.
ขออนุมัติแผนการจัดฝึกอบรมในปีหน้ากับฝ่ายบริหารแล้วพอได้รับการอนุมัติก็จัดตามแผนไปให้ครบทุกหลักสูตรให้จงได้
เผลอมีการกำหนดไว้เป็น KPI
ด้วยอีกต่างหาก
3.
หลักสูตรที่จัดไปตามแผนก็จะเป็นหลักสูตรแบบโดด
ๆ ไม่มีความต่อเนื่อง เมื่อจัดแล้วก็จบกันไป ปีต่อไปก็จะมีหลักสูตรใหม่เข้ามาแทนทีประมาณว่าเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วคราวต่อไปก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นจะได้ไม่เบื่อ
ไม่เคยมีการวางแผนการฝึกอบรมแบบระยะยาวที่เรียกว่าการทำ Development
Roadmap เช่นเมื่อพนักงานเข้ามาในสองปีแรกควรจะต้องเข้าอบรมอะไรบ้างในปีที่1
และ 2 เพื่อให้พนักงานมีความรู้และทักษะในงานอย่างที่องค์กรต้องการและมีการติดตามผลการพัฒนาให้มีความพร้อมที่จะก้าวหน้าต่อไป
4.
จัดอบรมแบบเป็น “พิธีกรรม” หรือแบบ “แก้บน”
คือบนแล้วต้องแก้
มีพิธีกรรมประกอบความขลังของการจัดอบรมคือมีการสอบเพื่อรับวุฒิบัตร
ถ้าสอบไม่ผ่านก็ไม่ได้รับวุฒิบัตร
แต่เมื่อรับวุฒิบัตรแล้วผู้เข้าอบรมจะเอาความรู้ที่ได้รับไปทำอะไรให้เกิดประโยชน์กับงานบ้างไหม
ไม่เคยมีการติดตามผล
ขอให้ได้วุฒิบัตรมาประดับโต๊ะหรือข้างฝาก็โอเคแล้วถือว่าผ่านหลักสูตรแล้ว
5.
มีหลักสูตรฝึกอบรมที่โผล่มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ไม่มีที่มาที่ไปซึ่งก็มักจะเป็นประเภทหลักสูตร “เทพดลใจ” หรือ “พรายกระซิบ” เช่น
วันดีคืนดีผู้บริหารก็จะสั่งมาที่ HR ว่า
“คุณช่วยจัดหลักสูตรการสร้างจิตสำนึกรักองค์กรสัก 3 รุ่นสิ
พนักงานจะได้รักบริษัทมากกว่านี้” หรือ “ผมว่า HR น่าจะจัดหลักสูตรการสร้างสมาธิในการทำงานนะ
พนักงานจะได้มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น”
คือทำเหมือนกับว่าหลักสูตรฝึกอบรมคือยาสารพัดนึก หรือบ่อชุบตัวสังข์ทองที่รักษาได้ทุกโรคยังงั้นแหละ
6.
ไม่เคยมีการติดตามผลการฝึกอบรมในแต่ละหลักสูตรเลยว่าเมื่อผ่านการอบรมแล้วผู้เข้าอบรมได้นำเอาสิ่งที่เรียนรู้จากการอบรมมาใช้อะไรให้เกิดประโยชน์ในงานที่ทำได้อย่างเป็นรูปธรรมจับต้องได้และเห็นผล
เป็นแค่เพียงผ่านอบรมแล้วก็จบกันไปเป็นครั้ง ๆ
7.
หัวหน้าไม่เคยสอนงานลูกน้องเพิ่มเติมในเรื่องที่ลูกน้องไปอบรมมา
โดยคิดเพียงว่าลูกน้องไปอบรมมาแล้วก็แปลว่ารู้แล้วและต้องทำได้
8.
หัวหน้าของพนักงานที่เข้ารับการอบรมก็ไม่เคยช่วยติดตามผลการอบรมของลูกน้องตามข้อ 5 เลย
และเผลอ ๆ ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกน้องไปเรียนอะไรมาบ้าง
เอาแต่เพียงแค่บอกลูกน้องที่ไปอบรมว่าเมื่อกลับมาให้ทำรายงานส่งพี่ด้วย
(แต่พี่จะเคยอ่านบ้างไหม อ่านแล้วทำอะไรต่อบ้างก็ไม่รู้)
ทำเหมือนนักเรียนต้องทำรายงานส่งครู พอส่งแล้วก็แล้วกัน
ลองทบทวนดูนะครับ ถ้าองค์กรของท่านยังรูปแบบการจัดฝึกอบรมอย่างที่ผมบอกมาข้างต้นก็บอกได้เลยว่าองค์กรของท่านใช้งบประมาณในการฝึกอบรมแบบ
“สูญเปล่า” หรือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปทุกปีแล้วล่ะครับ
ถ้างั้นควรทำยังไงดีเพื่อไม่ให้สูญเปล่า?
1.
ผู้บริหารและ Line Manager ทุกคนจะต้องยอมรับความเป็นจริงว่าในวันนี้องค์กรของเรามีการจัดฝึกอบรมในแต่ละปีไปแบบสูญเปล่าอย่างน่าเสียดายจริง
ซึ่งฝ่ายบริหารทุกคนจะต้องถือว่าเป็น “วาระเร่งด่วนขององค์กร”
ที่จะต้องแก้ไขและถือว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหารทุกคนที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมช่วยกันคิดแก้ปัญหานี้แล้ว
ย้ำว่าเป็นเรื่องของฝ่ายบริหาร “ทุกคน” ที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมแก้ไขนะครับ
ไม่ใช้ให้ HR
แก้ไขเพียงฝ่ายเดียว เพราะ HR ไม่สามารถไปคิดแทนฝ่ายอื่น
ๆ ในรายละเอียดได้ทั้งหมดหรอกครับ
2.
แต่ HR จะต้องเป็นเจ้าภาพ
เป็นตัวตั้งตัวตีในการบอก How to วิธีการคิดเพื่อแก้ปัญหานี้ให้กับบรรดาฝ่ายบริหารทุกคนให้ทราบว่าจะแก้ไขได้ยังไง
ถ้า HR
ไม่รู้หรือทำไม่ได้ตรงส่วนนี้ก็เอวังและวังเวงสำหรับองค์กรนั้น ๆ แล้วล่ะครับ
3.
จากข้อ 2 How to หรือวิธีการก็คือ บริษัทจะต้องกำหนด
“Training & Development Roadmap” ของแต่ละหน่วยงานให้ชัดเจน
ผมขอย้ำคำว่า “Roadmap แต่ละหน่วยงาน” หมายถึงว่าองค์กรต้องกำหนดเป็นนโยบายเลยว่าทุกหน่วยงานจะต้องมี
Development Roadmap หรือแผนการพัฒนาพนักงานในฝ่ายของตัวเองในระยะยาว
ไม่ใช่การจัดอบรมแบบระยะสั้นปีต่อปีเหมือนที่เคยทำมา
4.
HR เชิญผู้บริหารทุกหน่วยงานเข้าร่วมทำ Workshop (หรือภาษาราชการจะเรียกว่าการประชุมเชิงปฏิบัติการ)
ซึ่งประกอบด้วยพนักงานทุกคนที่มีความรู้ในงานของหน่วยงานของตนเองเข้าร่วมระดมความคิดว่าเราควรจะมีแผนพัฒนาพนักงานของหน่วยงานเราในระยะยาว
หรือ Development
Roadmap ยังไง
โดยแผนนี้จะต้องคิดตั้งแต่มีพนักงานเข้ามาร่วมงานใหม่ในหน่วยงานของเรานั้นในแต่ละปีเราควรจัดฝึกอบรมหรือมีการพัฒนาพนักงานเหล่านี้ยังไงแบบต่อเนื่องเพื่อให้เขามีความรู้ความสามารถที่จะเติบโตก้าวหน้าต่อไปในหน่วยงานเรา
ซึ่งต้นทางของการคิดแผนการพัฒนาแบบนี้ในปัจจุบันก็มักจะใช้ระบบ Functional Competency มาเป็นแนวคิด หรือถ้าบริษัทไหนยังไม่มีระบบ Competency ก็สามารถใช้ Job Description ของแต่ละตำแหน่งในฝ่ายนั้น ๆ มาเป็นแนวคิดแผนพัฒนาก็ได้นะครับ (หรือหาอ่านจากหนังสือ “Training Roadmap & IDP ตาม JD ฉบับ How to” ที่ผมเขียนมาอ่านดูได้นะครับ หาซื้อได้ที่ HR Center หรือตามร้านซีเอ็ดฯ)
ซึ่งต้นทางของการคิดแผนการพัฒนาแบบนี้ในปัจจุบันก็มักจะใช้ระบบ Functional Competency มาเป็นแนวคิด หรือถ้าบริษัทไหนยังไม่มีระบบ Competency ก็สามารถใช้ Job Description ของแต่ละตำแหน่งในฝ่ายนั้น ๆ มาเป็นแนวคิดแผนพัฒนาก็ได้นะครับ (หรือหาอ่านจากหนังสือ “Training Roadmap & IDP ตาม JD ฉบับ How to” ที่ผมเขียนมาอ่านดูได้นะครับ หาซื้อได้ที่ HR Center หรือตามร้านซีเอ็ดฯ)
5.
พัฒนาพนักงานตามแผนที่ทำขึ้น
ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็จะมีแผนการพัฒนาพนักงานระยะยาวที่แตกต่างกันไปตามลักษณะงาน
6.
มีการประเมินและติดตามผลการพัฒนาเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
และมีการสอนงานโดยหัวหน้างานเป็นผู้ทำแผนการสอนงานเพื่อพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่อง
และมีการประเมินผลเพื่อติดตามด้วยนะครับ
ซึ่งถ้าหากท่านทำได้อย่างนี้แล้วผมมั่นใจว่าการฝึกอบรมหรือการพัฒนาคนในองค์กรของท่านจะไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอนครับ
………………………………………..