เรื่องที่ผมจะนำมาแชร์ในวันนี้ก็มักเป็นเรื่องที่เราพบเห็นกันได้ทั่วไป
ซึ่งหลายบริษัทก็ทำตาม ๆ กันมาโดยคิดว่าถูกต้องและสามารถทำได้โดยไม่ผิด
แต่สิ่งที่ทำตาม ๆ
กันมาโดยคิดว่าก็บริษัทอื่น ๆ เขาก็ทำกันน่ะ หลาย ๆ ครั้งมันก็ผิดกฎหมายแรงงานได้เหมือนกันนะครับ
!
ดังเช่นกรณีนี้เป็นตัวอย่าง....ตามผมมาสิครับ....
นายชิงชัย
(นามสมมุติ) มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี (ที่ภาษาคนทำงานเขาเรียกว่า “ลาพักร้อน”
แต่ให้ท่านทราบไว้ว่าภาษากฎหมายแรงงานเขาเรียกว่าเป็น “วันหยุดพักผ่อนประจำปี”
ไม่ใช่วันลานะครับ) ปีละ 13 วันทำงาน
ในปี
2542
ที่ผ่านมานายชิงชัยก็ใช้สิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปี 13 วันไปจบสิ้นกันไปแล้วไม่มีปัญหาอะไร
แต่พอปีรุ่งขึ้นคือในเดือนกุมภาพันธ์
2543
นายชิงชัยขอลาพักร้อนโดยบริษัทก็อนุญาตให้ลาไปได้ 8 วันตามที่ขอ
เรื่องมันมาเกิดก็ตรงที่นายชิงชัยดันมายื่นใบลาออกเอาในเดือนกลางเดือนมีนาคมนี่สิครับ
บริษัทก็เลยมาคิดคำนวณดูว่านายชิงชัยมีสิทธิลาพักร้อนในปี
2543
ได้ 13 วัน
แต่ถ้าคำนวณตามสัดส่วนแล้วนายชิงชัยควรจะมีสิทธิถึงกลางเดือนมีนาคมเพียงประมาณ 2.5
วัน เมื่อนายชิงชัยลาไปแล้ว 8 วัน
บริษัทก็จะต้องหักวันลาพักร้อนส่วนเกินสิทธิคือ 5.5 วันคืนถึงจะถูกจริงไหมครับ
วิธีคิดคำนวณสิทธิการลาพักร้อนตามส่วน (Prorate) แบบนี้ผมเชื่อว่าหลาย ๆ
บริษัทก็ทำอยู่จริงไหมครับ ?
แต่....ช้าก่อน
กรณีนี้มีการฟ้องศาลเพื่อให้วินิจฉัยว่าสิทธิวันลาพักร้อนในปี 2543 ของนายชิงชัยจะเป็น 2.5 วันตามสัดส่วนที่ทำงาน
หรือจะเป็น 8 วันตามที่บริษัทอนุญาตไปแล้วกันแน่?
แถ่น..แทน..แท้น..
ศาลฎีกา (ฎ.8324/2544) ท่านได้มีคำพิพากษากรณีนี้ออกมาว่า....
“....ในกรณีที่ลูกจ้างลาออก
ลูกจ้างจะมีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีในปีที่ที่ลาออกนั้น และปีก่อน
รวมทั้งจะได้ค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีหรือไม่เพียงใด ต้องเป็นไปตาม
พรบ.คุ้มครองแรงงานมาตรา 30 และมาตรา 56 ในปี
2543 ที่ลูกจ้างลาออก
นายจ้างกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้าง 13 วัน
และก่อนที่ลูกจ้างจะลาออกในเดือนมีนาคม 2543 นายจ้างอนุญาตให้ลูกจ้างหยุดพักผ่อนประจำปี
8 วัน การหยุดพักผ่อนประจำปีดังกล่าวเป็นการหยุดตามที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันโดยสุจริต
เมื่อลูกจ้างหยุดพักผ่อนประจำปีตามสิทธิและวันที่ตกลงกับนายจ้างไปก่อนลาออก นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเต็ม
8 วันให้แก่ลูกจ้าง....”
สรุปง่าย
ๆ ว่ากรณีของคุณชิงชัยนี้ เป็นกรณีที่มีการตกลงกันแล้วระหว่างพนักงานกับบริษัทและบริษัทก็อนุญาตให้พนักงานหยุดพักร้อนไปแล้ว
ซึ่งเป็นการตกลงกันโดยสุจริตทั้งสองฝ่าย
เมื่อเป็นอย่างนี้คุณชิงชัยก็ย่อมจะมีสิทธิลาพักร้อนได้เต็ม
8
วันตามที่บริษัทอนุญาตไปก่อนหน้านี้
โดยบริษัทก็ไม่มีสิทธิมาหักค่าพักร้อนออก 5.5 วัน
เพราะไปอนุญาตไปแล้วนั่นเอง
ผมเชื่อว่าเรื่องนี้คงจะทำให้ท่านได้ข้อคิดและนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันในการทำงานได้ไม่น้อยเลยจริงไหมครับ
และยืนยันสิ่งที่ผมได้บอกแล้วไปข้างต้นว่าอะไรที่ทำตาม
ๆ กันมา และบอกว่า “คนอื่นเขาก็ทำกัน” นั่นน่ะ
หลายครั้งเราก็ต้องหาข้อมูลข้อเท็จจริงให้ดีเสียก่อน เพราะสิ่งที่ทำตาม ๆ
กันมาโดยที่เราคิดว่ามันถูกต้อง ก็อาจจะผิดพลาดได้เหมือนกัน
ดังนั้น
ก่อนจะทำอะไรตาม ๆ กันไปท่านควรจะหาข้อมูลข้อเท็จจริง หาเหตุหาผลให้ดีเสียก่อนว่ามันทำได้จริงหรือไม่เพื่อจะได้ไม่ต้องมาตามแก้ปัญหากันในวันหน้าครับ
………………………………….