วันนี้ในบริษัทห้างร้านต่าง ๆ
ก็ยังเจอปัญหายอดนิยมเหมือนกันเรื่องหนึ่งคือ ”หาคนยาก” ซึ่งถ้าจะพูดถึงเรื่องการหาคนมาทำงานยากนั้นก็คงเป็นมหากาพย์เรื่องยาว
เพราะมีหลายเหตุปัจจัยที่ทำให้คนหายาก แต่คงไม่ใช่สาเหตุเดียวคืออัตราการเกิดของประชากรไทยน้อยลงมากหรอกนะครับ
แต่ยังมีอีกตั้งหลายปัจจัย เช่น ค่านิยมของคนรุ่นใหม่ (Gen Y เป็นต้นไป)
เปลี่ยนแปลงไปจากค่านิยมคนรุ่นเดิม,
ความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่ทำให้คนไม่จำเป็นต้องมาทำงานประจำแปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นเหมือนเดิม
ฯลฯ
ถึงแม้ว่าบริษัทของท่านจะมีปัญหาหาคนยากก็จริงอยู่
แต่ผมได้เคยให้ข้อคิดไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการคัดเลือกคนเข้ามาทำงานแล้วว่าท่านก็ต้อง
“เลือก” คนที่เหมาะสมหรือคนที่ “ใช่” เข้ามาด้วยเหมือนกัน
เพราะผมมักจะเปรียบเทียบการตัดสินใจรับคนเข้าทำงานกับการตัดสินใจแต่งงานว่ามันจะมีอะไรบางอย่างที่คล้ายกัน
และบางอย่างที่แตกต่างกันคือ....
ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจรับคนเข้าทำงานท่านใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในการดูใจดูความเหมาะสมกับตำแหน่งงานหรือกับองค์กรครับ
?
ผมให้เวลาประมาณ 1-3
ชั่วโมงเลยเอ้า..แต่ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาเฉลี่ยประมาณหนึ่งชั่วโมงในการสัมภาษณ์เพื่อเปรียบเทียบกับผู้สมัครรายอื่น
ๆ ว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด
ส่วนการตัดสินใจแต่งงาน
ท่านมีเวลาดูใจพูดคุย ฯลฯ หลายเดือน (คบกันไม่นานแล้วประกาศแต่งงานนี่รับรองเพื่อน
ๆ มีเม้าท์กันหึ่งแหง ๆ จริงไหมครับ) หลายปี กว่าจะตัดสินใจแต่งงาน
ส่วนที่มีความเหมือนกันก็คือ
เมื่อท่านตัดสินใจรับคนเข้าทำงานก็ต้องหวังว่าผู้สมัครรายนี้จะมีคุณสมบัติมีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์ที่เหมาะสมและจะต้องทำงานกับบริษัทในระยะยาว
สามารถจะเติบโตก้าวหน้าไปกับบริษัทในระยะยาวต่อไป
ซึ่งก็เหมือนการตัดสินใจแต่งงานที่เราก็ต้องคาดหวังว่าเราจะต้องใช้ชีวิตร่วมกันระยะยาว
หรือโบราณบอกว่า “ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” จริงไหมครับ
คงไม่คิดว่าเอาใครก็ได้มาแต่ง
ๆ ไปก่อนก็แล้วกันเพราะตอนนี้หาใครมาเป็นคู่ยังไม่ได้เลย
ถ้าแต่งแล้วมันไม่เหมาะกับเราเดี๋ยวค่อยเลิกกันแล้วหาใหม่....!!??
ถ้าคิดอย่างงี้ชีวิตก็จะมีแต่ปัญหาวนเวียนซ้ำซากจริงไหมครับ
แปลกแต่จริงว่าการตัดสินใจรับคนเข้าทำงานก็ยังมีผู้บริหาร,
หัวหน้างาน
หรือกรรมการสัมภาษณ์หลายคนคิดสั้นไม่คิดยาวคือคิดว่าเอาใครก็ได้เข้ามาทำงานไปก่อนเหอะ
ตอนนี้ขาดคนทำงาน งานชะงักติดขัด ต้อง “วัดดวง” ลองรับเข้ามาก่อนก็แล้วกัน ถ้าไม่ดีค่อยหาใหม่ ??!!
ผมอยากจะบอกว่าวิธีคิดแบบนี้และครับเป็นวิธีคิดที่ทำให้หน่วยงานหรือองค์กรนั้น
ๆ เกิดปัญหาทั้งระยะสั้น เช่น ผู้สมัครมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมไม่ผ่านทดลองงาน,
ทำงานไม่นานก็ลาออก, ความประพฤติไม่ดี,
มาสาย, ขาดงาน ฯลฯ
และปัญหาระยะยาวคือ
เข้ามาแล้วไม่ยอมลาออก เพราะไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครเขารับหรอกมีแต่บริษัทนี้แหละที่หลวมตัวรับเข้ามา
พอเข้ามาแล้วก็กลายเป็น “มะเร็งองค์กร” ไปวัน ๆ คือนั่งนินทาผู้บริหาร,
นินินทาเพื่อนร่วมงาน, มีงานทำก็ไม่ทำ อู้งาน เกเร ทำตัวเป็นมาเฟียในบริษัท, วัน ๆ
เอาแต่คิดจะยื่นข้อเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของตัวเองส่วนบริษัทจะล่มจมยังไงฉันไม่เกี่ยว ฯลฯ
จริงอยู่ว่าแม้วันนี้คนจะหายาก
แต่ถ้าหาแล้วได้คนไม่ดี
ไม่เหมาะสมเข้ามาก็รังแต่จะสร้างปัญหาให้ท่านต้องมาตามล้างตามเช็ดกันไม่รู้จบนะครับ
ส่วนวิธีการว่าแล้วจะทำยังไงถึงจะได้คนที่
“ใช่” เข้ามาทำงาน ท่านสนใจ How to วิธีการก็ไปหาอ่านได้ในหมวดการสรรหาคัดเลือก ที่ http://tamrongsakk.blogspot.com ซึ่งผมอธิบายพร้อมทั้งยกตัวอย่างไว้หลาย
ๆ เรื่องที่ท่านสามารถจะนำไปใช้ได้ทันที
ขอให้ท่านรับคนที่เก่งและดีเข้ามาร่วมงานนะครับ
……………………………….