องค์กรมีกฎระเบียบ ประเทศชาติก็ต้องมีกฎหมายถ้าใครจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายแล้วก็ทำผิดกฎหมายก็ไม่ได้ใช่ไหมครับ
วันนี้ผมก็จะพาท่านมาสู่เรื่องของกฎหมายแรงงานซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายใกล้ตัวของคนทำงานทุกคนไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างพนักงานไปจนกระทั่งผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการที่ควรรู้แล้วก็ควรจะปฏิบัติให้ถูกต้องเพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง
วันนี้เรามาลองทดสอบความรู้ในเรื่องกฎหมายแรงงานกันดูไหมครับว่าท่านมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้มากน้อยแค่ไหน
เรามาเริ่มกันเลยนะครับ
ให้ท่านอ่านข้อความแต่ละข้อและกาเครื่องหมาย
“ถูก” หน้าข้อที่ท่านคิดว่าถูก และกาเครื่องหมาย “ผิด” หน้าข้อที่ท่านคิดว่าผิด
1.
สภาพการจ้างงานเกิดได้ด้วยการทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างเท่านั้น
ถ้าไม่มีสัญญาจ้างก็ไม่ถือว่าเกิดสภาพการจ้าง ลูกจ้างจะไปฟ้องร้องอะไรไม่ได้
2.
เมื่อรับผู้สมัครงานเข้าทำงานไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งใดก็ตาม
บริษัทสามารถแจ้งให้พนักงานใหม่วางเงินค้ำประกันความเสียหาย
ถ้าพนักงานหาเงินค้ำประกันไม่ได้ก็ให้หาคนค้ำประกันการทำงานแทน
3.
กฎหมายแรงงานระบุให้บริษัทสามารถทดลองงานพนักงานเข้าใหม่ได้ไม่เกิน
120
วัน
4.
หากพนักงานทดลองงานทำงานไม่เป็นที่น่าพอใจและอายุงานยังไม่เกิน
120
วัน
บริษัทสามารถเลิกจ้างพนักงานทดลองงานได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
5.
หากบริษัทเลิกจ้างพนักงาน
บริษัทจะต้องจ่ายค่าจ้าง, ค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานในวันหยุด,
ค่าล่วงเวลาในวันหยุดภายใน 7 วันนับแต่วันที่บอกเลิกจ้าง
6.
หากบริษัททำสัญญาจ้างพนักงานชั่วคราวแบบมีระยะเวลาครั้งละ
1 ปี โดยจะต่อสัญญาหรือไม่ตาม
หากผลงานไม่ดี
บริษัทสามารถไม่ต่อสัญญาและเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย
และค่าบอกกล่าวล่วงหน้า เพราะเป็นเงื่อนไขในสัญญาจ้าง
7.
พนักงานชั่วคราวไม่จำเป็นต้องมีสวัสดิการให้เหมือนพนักงานประจำ
เพราะเป็นพนักงานคนละประเภท
8.
พนักงานมีสิทธิลาป่วยได้ไม่เกิน 30 วันทำงาน
9.
พนักงาน Outsource ไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี
10. บริษัทมีกำหนดจ่ายค่าจ้างทุกสิ้นเดือน
บริษัทแจ้งเลิกจ้างพนักงานเนื่องจากผลงานไม่ดีในวันที่ 1 กรกฎาคม
โดยไม่ต้องมาทำงานในวันที่ 2 กรกฎาคมเป็นต้นไป
บริษัทจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 1 เดือนตามกฎหมาย
11. พนักงานจะลาออกได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติตามระเบียบบริษัทเสียก่อน
ถ้าบริษัทยังไม่อนุมัติแล้วพนักงานไม่มาทำงานในวันที่ระบุในใบลาออก
ก็จะถือว่าเป็นการละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ถ้าเกินกว่า 3 วัน
บริษัทสามารถเลิกจ้างพนักงานดังกล่าวโดยไม่จ่ายค่าจ้างได้
12. วันเพ็ญได้รับเงินเดือน
12,000
บาท ได้รับค่าภาษาเดือนละ 3,000 บาทเนื่องจากเป็นเลขานุการต้องใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน
ค่าล่วงเวลาของวันเพ็ญจะคิดจากฐานเงินเดือน 12,000 บาท
ส่วนค่าภาษาไม่ต้องนำมารวมเพราะค่าภาษาไม่ใช่เงินเดือน
เป็นยังไงบ้างครับ....ท่านกาเครื่องหมายถูกไปกี่ข้อ
และกาเครื่องหมายผิดไปกี่ข้อ ?
ลองมาดูเฉลยกันดังนี้นะครับ
1.
ผิด : สภาพการจ้างเกิดขึ้นได้แม้ไม่มีสัญญาจ้าง
การกวักมือเรียกให้มาทำงาน, การพูดด้วยวาจาเชิญชวนให้มาทำงานก็ถือว่าเกิดสภาพการจ้างขึ้นแล้วครับ
2.
ผิด : นายจ้างจะให้ลูกจ้างต้องวางเงินค้ำประกันได้ก็ต่อเมื่อเป็นงานที่มีลักษณะหรือสภาพการทำงานที่ลูกจ้างต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการเงินหรือทรัพย์สินของนายจ้างที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่นายจ้างได้เท่านั้น
ไม่ใช่เรียกเงินค้ำประกันได้ทุกตำแหน่งนะครับ
3.
ผิด : ไม่มีมาตราไหนในกฎหมายแรงงานที่ระบุให้มีการทดลองงาน
120 วันเลยนะครับ เพียงแต่ในมาตรา 118 พูดถึงเรื่องการจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานหากลูกจ้างทำงานตั้งแต่
120 วันแต่ไม่ครบ 1 ปี
หากนายจ้างจะเลิกจ้างโดยที่ลูกจ้างไม่ได้กระทำความผิดทางวินัยที่เป็นกรณีร้ายแรง
หากจะเลิกจ้างก็ต้องจ่ายค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 30 วัน ก็เลยทำให้บริษัทต่าง ๆ
นำมากำหนดเป็นระยะเวลาทดลองงานเพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายในกรณีที่ลูกจ้างไม่ผ่านทดลองงานยังไงล่ะครับ
4.
ผิด : การเลิกจ้างพนักงานทดลองงานเพราะเหตุว่าทำงานไม่ดี
ไม่ว่าจะทำงานมากี่วันก็ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าครับ
5.
ผิด : จะต้องจ่ายภายใน
3 วันนับแต่วันเลิกจ้างครับ (ตามมาตรา 70)
6.
ผิด : เพราะสัญญาทำนองนี้คือสัญญาจ้างที่ไม่มีระยะเวลานั่นเอง
ดังนั้นจึงต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงาน (ตามมาตรา 118) ครับ
7.
ผิด : ลูกจ้างที่ทำงานมาตั้งแต่
120 วันไปแล้วทางกฎหมายแรงงานถือว่าเป็น “ลูกจ้าง”
โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นลูกจ้างชั่วคราว หรือลูกจ้างรายเดือน จะมีแต่คำว่า “ลูกจ้าง”
เท่านั้น ดังนั้นบริษัทก็จะต้องจัดให้มีสิทธิประโยชน์และสวัสดิการเหมือนกันครับ
8.
ผิด : พนักงานสามารถลาป่วยได้ตามที่ป่วยจริง
แต่นายจ้างสามารถจ่ายค่าจ้างให้ไม่เกิน 30 วันทำงาน
(จะจ่ายเกิน 30 วันทำงานได้นะครับแต่น้อยกว่านี้ไม่ได้)
9.
ผิด : ตามมาตรา
11/1 ลูกจ้าง Outsource ที่ทำงานเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของกระบวนการผลิตหรือธุรกิจในความรับผิดชอบของผู้ว่าจ้าง
(ผู้ประกอบกิจการ) บริษัทผู้ว่าจ้างก็จะต้องจัดให้ลูกจ้าง Outsource ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการเหมือนกับลูกจ้างของตนเองอย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ
ดังนั้นลูกจ้าง Outsource จึงมีสิทธิในเรื่องวันหยุดพักผ่อนประจำปีเมื่อทำงานมาแล้วครบ
1 ปีครับ
10. ผิด : เพราะการบอกกล่าวล่วงหน้าจะต้องบอก
ณ วันจ่ายค่าจ้างเพื่อให้มีผลในรอบการจ่ายค่าจ้างถัดไป
ในกรณีนี้จ่ายค่าจ้างทุกสิ้นเดือน แต่ไปบอกเลิกจ้างเอาในวันที่ 1 กรกฎาคม ก็เสมือนกับไปบอกเอา ณ วันที่ 31 กรกฎาคมซึ่งจะมีผลในรอบการจ่ายค่าจ้างถัดไปคือวันที่
31 สิงหาคม เมื่อบอกให้ลูกจ้างไม่ต้องมาทำงานในวันที่ 2
กรกฎาคม นายจ้างก็จะต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าในเดือนกรกฏาคม 1
เดือน และรอบการจ่ายค่าจ้างถัดไปคือ 31 สิงหาคมอีก
1 เดือน ดังนั้นจึงต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า 2 เดือนถึงจะถูกต้องครับ
11. ผิด : พนักงานจะลาออกเมื่อไร
หากระบุวันที่มีผลไว้ในใบลาออกก็จะมีผลในวันนั้นไม่จำเป็นต้องให้บริษัทอนุมัติแต่อย่างใด
เพราะถือว่าลูกจ้างไม่ประสงค์จะทำงานกับนายจ้างอีกต่อไป
แม้บริษัทจะมีกฎระเบียบว่าจะต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าก็ตาม
แต่ถ้าพนักงานแจ้งระบุวันที่ลาออกวันไหนก็จะมีผลตามที่ระบุในใบลาออกทันที (แต่พนักงานที่ดีก็ควรจะทำตามกฎระเบียบของบริษัทนะครับ)
12. ผิด : ค่าจ้างของวันเพ็ญคือ
12,000+3,000 = 15,000 บาท
ดังนั้นฐานค่าจ้างในการคำนวณค่าล่วงเวลาคือ 15,000 บาท
ถึงจะถูกต้องครับ เพราะค่าภาษาเป็น “ค่าจ้าง” เนื่องจากเป็นค่าตอบแทนการทำงานตามมาตรา
5 ครับ
เป็นยังไงบ้างครับ
หากท่านใดกา “ผิด” หมดทุกข้อก็แสดงว่าท่านมีพื้นฐานความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานดีพอสมควรเลยนะครับ
และท่านควรจะศึกษาหาความรู้ในเรื่องนี้ไว้บ้างไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือพนักงานก็ตาม
เพราะใครจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้....จริงไหมครับ
?
…………………………………………….