วันนี้ผมมีดราม่าเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ท่านฟังกันอีกแล้ว
ซึ่งผมเชื่อว่าดราม่าเรื่องนี้เกิดในบริษัทหลาย ๆ แห่งอย่างสม่ำเสมอซะด้วย
ก็เรื่องการหักเงินเมื่อพนักงานมาทำงานสายไงล่ะครับ
เป็นไงครับเป็นประเด็นเรียกแขกดีไหมล่ะ ?
หลายบริษัทชอบมีกฎระเบียบในทำนองที่ว่า....
ถ้าหากพนักงานมาทำงานสายบริษัทจะหักเงินเดือน
เช่น กำหนดเวลามาทำงาน 8.00 น. ถ้ามาสายเกินเวลานี้ 3
ครั้งในหนึ่งเดือน จะหักเงินเดือนเท่ากับ 1 วัน
ยกตัวอย่างเช่น พนักงานเงินเดือน 9,000 บาท คิดเป็นรายวันคือ
300 บาท ถ้ามาสาย 3 ครั้งในเดือนนี้ก็จะถูกหักเงินเดือนไป
300 บาท เหลือรับในเดือนนี้เท่ากับ 8,700 บาท เป็นต้น
ถามว่าบริษัทจะออกกฎระเบียบทำนองนี้มาบังคับใช้ได้หรือไม่
?
ถ้าดูตามมาตรา 76 ของกฎหมายแรงงานแล้วจะพูดถึงเรื่องการหักเงินจากลูกจ้างไว้ดังนี้
มาตรา
๗๖
ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด
และค่าล่วงเวลาในวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักเพื่อ
(๑)
ชำระภาษีเงินได้ตามจำนวนที่ลูกจ้างต้องจ่ายหรือชำระเงินอื่นตามที่มีกฎหมายบัญญัติไว้
(๒)
ชำระค่าบำรุงสหภาพแรงงานตามข้อบังคับของสหภาพแรงงาน
(๓) ชำระหนี้สินสหกรณ์ออมทรัพย์
หรือสหกรณ์อื่นที่มีลักษณะเดียวกันกับสหกรณ์ออมทรัพย์หรือหนี้ที่เป็นไปเพื่อสวัสดิการที่เป็นประโยชน์แก่ลูกจ้างฝ่ายเดียว
โดยได้รับความยินยอมล่วงหน้าจากลูกจ้าง
(๔) เป็นเงินประกันตามมาตรา
๑๐ หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายจ้าง ซึ่งลูกจ้างได้กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
(๕) เป็นเงินสะสมตามข้อตกลงเกี่ยวกับกองทุนเงินสะสม
การหักตาม (๒)
(๓) (๔) และ (๕) ในแต่ละกรณีห้ามมิให้หักเกินร้อยละสิบ
และจะหักรวมกันได้ไม่เกินหนึ่งในห้าของเงินที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามกำหนดเวลาการจ่ายตามมาตรา
๗๐ เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
ดังนั้น
ถ้าจะคิดแบบเร็ว ๆ ตามมาตรานี้ก็จะบอกว่า “หักเงินค่ามาสายไม่ได้” ครับ
แต่....ถ้ากรณีนี้เป็นกรณี
“ไม่จ่ายค่าจ้าง”
เนื่องจากลูกจ้างไม่มาทำงานให้นายจ้างล่ะ ?
ผมยกตัวอย่างเช่น
กรณีพนักงานขาดงานไป 1
วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เมื่อบริษัทไม่อนุญาตโดยถือว่าขาดงาน
(ไม่ได้มาทำงานจริง) บริษัทมีสิทธิจะ “ไม่จ่าย” (ไม่ใช่หักเงินนะครับ)
พนักงานรายนี้หรือไม่ ?
ก็ตอบได้ว่าถ้าบริษัทมีกฎระเบียบเรื่องของการไม่จ่ายค่าจ้างเนื่องจากลูกจ้างไม่ได้มาทำงานให้กับบริษัทในลักษณะที่เรียกกันว่า
“No
work no pay”
บริษัทก็สามารถไม่จ่ายค่าจ้างในวันที่พนักงานขาดงานได้ครับ
แต่เรามักจะเรียกกันว่า “หักเงิน” ในวันที่ขาดงานกันจนติดปาก
ในกรณีมาสายก็เช่นเดียวกัน
ในเมื่อพนักงานมาสายไม่ได้มาทำงานตามเวลาที่กำหนด
หากบริษัทมีกฎระเบียบในเรื่องการไม่จ่ายเนื่องจากพนักงานไม่ได้มาทำงานให้กับบริษัทในเวลาทำงาน
บริษัทก็ย่อมจะมีสิทธิ “ไม่จ่าย” ตามเวลาที่พนักงานยังไม่มาทำงานได้
เพียงแต่การไม่จ่ายเงินเมื่อพนักงานมาทำงานสายตามตัวอย่างที่ผมบอกมาข้างต้นไม่เป็นธรรมเพราะไม่ได้คิดตามเวลาที่พนักงานมาสาย
นั่นคือควรจะต้องมาคำนวณว่าในเดือนนั้นพนักงานมาสายรวมกี่นาที
พนักงานได้ค่าจ้างนาทีละกี่บาท
แล้วนำค่าจ้างต่อนาทีคูณจำนวนนาทีที่มาสายถึงจะเป็นธรรมครับ
แต่ก็อีกนั่นแหละครับ
วิธีการไม่จ่ายค่าจ้างเมื่อลูกจ้างมาทำงานสายเป็นวิธีที่จะแก้ปัญหาการมาสายได้จริงหรือ
? แล้วไม่มีวิธีอื่นจะทำนอกจากนี้บ้างหรือ ?
โดยความเห็นส่วนตัวของผม
ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการหักเงินค่ามาสายทำนองนี้นัก
เพราะจากประสบการณ์ของผม มักจะพบว่าพนักงานยอมให้บริษัทหักเงินเมื่อเขามาสายได้แต่บริษัทจะมาออกใบเตือนอะไรเขาไม่ได้เพราะยอมจ่ายค่ามาสาย
(ซึ่งเขาถือว่าบริษัทได้ลงโทษเขา) แล้วจะตักเตือนอะไรกันอีก
ผมกลับมองว่ากรณีพนักงานมาทำงานสายนั้น บริษัทน่าจะมีวิธีปฏิบัติได้ดังนี้
1.
ดำเนินการทางวินัยตามระเบียบอย่างชัดเจน
เช่น ตักเตือนด้วยวาจา, ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร หากพนักงานยังมาสายทำผิดซ้ำคำเตือนในครั้งสุดท้ายที่บอกว่าถ้าพนักงานมาสายอีกก็จะเลิกจ้าง
บริษัทก็ทำตามนั้น ซึ่งจะเป็นการส่งสัญญาณให้พนักงานทราบว่าบริษัทจะมีหลักในการปฏิบัติกับพนักงานในลักษณะแบบนี้กับทุกคนที่มาทำงานสาย
คือพูดง่าย ๆ ว่าถ้ามีการขันน็อตเรื่องนี้กันอย่างจริงจังโดยไม่ต้องมีระเบียบเรื่องการหักเงินค่ามาสายเข้ามาวุ่นวายใจกันทั้งสองฝ่าย
หรือ
2.
บริษัทอาจจะกำหนดวิธีปฏิบัติอีกแบบหนึ่งที่น่าจะสร้างแรงจูงใจที่ดีกว่าการหักเงินค่ามาสาย
เช่น สมมุติให้พนักงานทุกคนมีคะแนนการมาทำงานทั้งปีเท่ากับ 100 คะแนน
ถ้าพนักงานคนใดมาสาย 1 ครั้งหักครั้งละ 5 คะแนน หากคะแนนต่ำกว่า 50 คะแนนบริษัทจะไม่จ่ายโบนัสให้กับพนักงานคนนั้น
โดยไม่ต้องมาหักเงินค่ามาสายอีกเช่นเดียวกัน
ซึ่งวิธีนี้ทำควบคู่กับการตักเตือนตามข้อ 1 ไปด้วยก็ยังได้
ที่สำคัญคือคนที่เป็นหัวหน้าผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานนั้น
ๆ ได้ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับลูกน้องในเรื่องการมาทำงานแล้วหรือยัง?
ไม่ใช่หัวหน้ามาสายเสมอ หรือออกไปกินข้าวกลางวันก็ 2-3 ชั่วโมง ฯลฯ
ให้ลูกน้องเห็นเป็นประจำ
แล้วอย่างนี้จะมีหน้าไปตักเตือนให้ลูกน้องมาทำงานตรงเวลา
รักษาผลประโยชน์ให้บริษัทได้ยังไงล่ะครับ ?
ฝากไว้เป็นข้อคิดนะครับ
………………………………………