ผมไปอ่านเรื่องนี้เจอในกระทู้ดังแห่งหนึ่งเห็นว่าเป็นประโยชน์กับคนทำงานก็เลยอยากจะนำมาแชร์เพื่อให้เข้าใจตรงกัน
ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนายจ้างหรือลูกจ้างเพื่อจะได้เกิดการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไปด้วยครับ
เรื่องของเรื่องก็คือในบริษัทแห่งหนึ่งออกประกาศช่วงต้นเดือนเมษายนขอความร่วมมือจากพนักงานให้มาทำงานในช่วงสงกรานต์เพราะบริษัทจะต้องเปิดให้บริการลูกค้า
ถ้าพนักงานคนไหนฝ่าฝืนบริษัทจะหักเงินในวันที่พนักงานหยุด (ในช่วงสงกรานต์) 1.5 เท่า (พูดง่าย ๆ ว่าจะถ้าหยุด 1
วันบริษัทจะหักเงินเดือนวันครึ่งแหละครับ)
แถมเจ้าของกระทู้ไปดูประกาศวันหยุดของบริษัทก็พบว่าในประกาศดังกล่าวไม่มีวันหยุดในช่วงสงกรานต์เสียด้วย
แต่ไม่ได้บอกมาว่าบริษัทแห่งนี้จัดวันหยุดประเพณีให้กับพนักงานปีละ 13 วันหรือเปล่า
ผมเลยขออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวันหยุดประเพณีให้ดังนี้ครับ
1.
ตามมาตรา
29 ของกฎหมายแรงงานกำหนดให้นายจ้างประกาศให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าปีหนึ่งไม่น้อยกว่า
13 วันโดยรวมวันแรงงานแห่งชาติไว้ด้วย ดังนั้นในกรณีนี้ถ้าบริษัทแห่งนี้ประกาศแจ้งให้ลูกจ้างมีวันหยุดประเพณีน้อยกว่า
13 วันก็ผิดกฎหมายแรงงานครับ
2.
ในวรรคสองของมาตรานี้ให้นายจ้างพิจารณากำหนดวันหยุดประเพณีจากวันหยุดราชการประจำปี,
วันหยุดทางศาสนา หรือขนบธรรมเนียมประเพณีแห่งท้องถิ่น
ดังนั้นสมมุติว่านายจ้างไปประกาศว่าวันที่ 1 มิถุนายนเป็นวันหยุดประเพณีก็ถือว่าไม่ถูกต้องตามวรรคสองของมาตรานี้ครับ
3.
วรรคสามของมาตรานี้กรณีวันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้าง
ให้ลูกจ้างได้หยุดชดเชยวันหยุดประเพณีนี้ในวันทำงานถัดไป
ในเรื่องนี้ท่านคงเข้าใจได้โดยผมไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มนะครับเพราะความหมายตรงตัวชัดเจน
4.
กรณีที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้เนื่องจากลูกจ้างทำงานที่มีลักษณะหรือสภาพของงานตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ให้นายจ้างตกลงกับลูกจ้างว่าจะหยุดในวันอื่นชดเชยวันหยุดตามประเพณี
หรือนายจ้างจะจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้ก็ได้
ในวรรคนี้เราคงต้องมาดูกันในเรื่องแรกก่อนว่า “งานที่กำหนดในกฎกระทรวง”
มีงานอะไรบ้างที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดตามประเพณีได้
ผมก็เลยไปดูกฎกระทรวงฉบับที่ 4 พ.ศ.2541 เขาบอกไว้ว่างานที่มีลักษณะหรือสภาพที่นายจ้างไม่อาจให้ลูกจ้างหยุดได้ในวันหยุดประเพณีมีอยู่
2 ข้อหลัก ๆ คือ
1.
งานในกิจการโรงแรม
มหรสพ ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องดื่ม สโมสร สมาคม สถานพยาบาล
และสถานบริการการท่องเที่ยว
2.
งานในป่า
งานในที่ทุรกันดาร งานขนส่ง
และงานที่มีลักษณะหรือสภาพของงานต้องทำติดต่อกันไปถ้าหยุดจะเสียหายแก่งาน
ซึ่งก็ต้องมาดูว่าลักษณะงานของผู้ตั้งกระทู้เข้าข่ายลักษณะงานตามกฎกระทรวงนี้หรือไม่
ถ้าเข้าข่าย แล้วบริษัทสั่งให้มาทำงานในวันหยุดประเพณีพนักงานก็ต้องมาทำแหละครับ
แต่....บริษัทจะต้องจ่ายค่าทำงานในวันหยุดให้ตามกฎหมายแรงงานด้วยนะครับ
พูดภาษาคนทำงานคือพนักงานต้องได้ “ค่าโอ” (โอที) นั่นแหละครับ
หรือถ้าบริษัทไม่จ่ายค่าโอทีให้
บริษัทก็ต้องจัดให้พนักงานหยุดชดเชยในวันอื่นให้กับพนักงานที่มาทำงานในวันหยุดประเพณีแทนก็ได้ครับ
ส่วนที่บริษัทประกาศว่าถ้าพนักงานคนไหนไม่มาทำงานในวันหยุดสงกรานต์แล้วบริษัทจะหักเงินเดือน
1.5 เท่านั้น
ผิดกฎหมายแรงงานครับ ! เพราะไม่มีกฎหมายรองรับ
ดังนั้นนายจ้างจะไปเขียนกฎระเบียบ
หรือคำสั่งใด ๆ ที่ขัดต่อกฎหมายแรงงานก็ไม่มีผลใช้บังคับ
แถมถ้านายจ้างขืนไปทำตามที่ประกาศ แล้วลูกจ้างไปฟ้องศาลแรงงานก็มีหวังแพ้คดีเสียชื่อเสียงของบริษัทอีกต่างหาก
ผมตั้งข้อสังเกตว่าHR ในบริษัทแห่งนี้คงไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายแรงงาน
หรืออาจจะรู้แต่ไม่กล้าแย้งนายถึงได้ปล่อยให้มีประกาศเฉิ่ม ๆ ทำนองนี้ออกมาซึ่งคนที่เป็น
HR มืออาชีพจะต้องกล้าบอกกล้าทักท้วงฝ่ายบริหารในสิ่งที่ถูกต้องเพื่อป้องกันปัญหาในอนาคตเอาไว้ด้วย
เพราะนี่คือคุณค่าของคนทำงาน HR ที่มีความเป็นมืออาชีพครับ
ผมไม่รู้ว่าผู้บริหารคนไหนในบริษัทแห่งนี้เป็นคนต้นคิดนะครับ
เรื่องการหักเงินเดือนพนักงานเนี่ยะ
แต่อยากจะแนะนำให้ผู้บริหารเหล่านี้ไปเข้าคอร์สกฎหมายแรงงานซะบ้างจะได้รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด
อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ ไม่ใช่ตั้งกฎระเบียบแบบตามใจฉันอย่างนี้พอคิดอะไรไม่ออกก็หักเงินเดือนพนักงานเอาไว้ก่อน
วิธีคิดทำนองนี้นอกจากผิดกฎหมายแรงงานแล้วยังทำให้เกิดปัญหาแรงงานสัมพันธ์ตามมาอีกด้วย
ซึ่งการบริหารงานบุคคลในยุคใหม่เขาเน้นความร่วมมือมากกว่าการลงโทษด้วยการหักเงินเดือน
การหักเงินเดือนลูกจ้างของบริษัทต่าง ๆ
ที่ผมเจอมาหลายแห่งก็มักจะผิดกฎหมายแรงงานเสียอีก (เพียงแต่พนักงานไม่รู้เท่านั้นเอง)
แทนที่จะใช้วิธีหักเงินเดือน บริษัทก็ไปพิจารณาเรื่องของการให้โบนัสประจำปี,
การขึ้นเงินเดือนประจำปี หรือการเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งแทนสำหรับพนักงานที่ให้ความร่วมมือหรือไม่ร่วมมือจะดีกว่าไหมครับ
หวังว่าคราวนี้ในวันหยุดประเพณีอื่น
ๆ ในครั้งต่อ ๆ ไป ทั้งนายจ้างและลูกจ้างคงจะเข้าใจหลักและวิธีปฏิบัติในเรื่องนี้ตรงกันแล้วนะครับ
…………………………….