ผมมักจะได้ยินเรื่องราวทำนองเดียวกับหัวข้อข้างบนนี้ซ้ำ ๆ กันอยู่เสมอ
และมักจะมีคำถามต่อมาว่า “แล้วบริษัทจะทำได้เหรอ ?”
บ้างก็บอกว่าทำได้เพราะพนักงานไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัท
คือไม่ยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วัน
ซึ่งบริษัทก็ระบุไว้ในกฎว่าถ้าไม่ยื่นใบลาออกตามระเบียบ
บริษัทก็จะไม่จ่ายค่าจ้างให้ในเดือนสุดท้ายที่ทำงานเพราะถือว่าทำผิดกฎระเบียบ
ผมขอยกตัวอย่างให้ท่านเห็นภาพชัด
ๆ อย่างนี้นะครับ
ศรีสมร
เข้าทำงานกับบริษัท รวยล้น จำกัด มาปีเศษ ๆ ได้รับเงินเดือนปัจจุบันเดือนละ 12,000 บาท บริษัท รวยล้น จ่ายเงินเดือนทุกสิ้นเดือน ๆ ละครั้ง
และบริษัทก็มีระเบียบในเรื่องการลาออกของพนักงานเขียนไว้ชัดเจนว่า “กรณีที่พนักงานมีความประสงค์จะขอลาออก
จะต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วัน
เพื่อให้ผู้บริหารอนุมัติการลาออกเสียก่อนและเพื่อให้บริษัทมีเวลาหาคนมาทำงานทดแทน
หากพนักงานไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้ บริษัทจะไม่จ่ายเงินเดือน ๆ
สุดท้ายให้เพราะถือว่าทำผิดกฎระเบียบข้อนี้....”
ศรีสมรยื่นใบลาออกกับหัวหน้า วันที่ 10 มิถุนายน โดยในใบลาออกระบุว่ามีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน
(วันรุ่งขึ้นนั่นแหละครับ) เป็นต้นไป
หัวหน้าก็บอกกับศรีสมรว่าคุณกำลังทำผิดกฎระเบียบนะ ถ้าคุณทำอย่างงี้
บริษัทจะไม่จ่ายเงินเดือนของคุณในเดือนมิถุนายน (10 วัน คือวันที่
1-10 มิถุนายน) รวมเป็นเงิน 4,000 บาท
(เพราะเงินเดือนของศรีสมร=12,000/30=400 บาทต่อวัน)
แถมคุณศรีสมรยังมีค่าล่วงเวลา (ที่เราเรียกว่าค่าโอทีนั่นแหละครับ)
ที่ทำเมื่อเดือนที่แล้วอีก 225 บาท
ดังนั้น
ในเมื่อคุณศรีสมรไม่ลาออกตามระเบียบ บริษัทก็จะไม่จ่ายเงินเดือน+โอที
รวมทั้งสิ้น 4,225 บาท
แต่คุณศรีสมรก็ยังยืนยันว่าจะต้องลาออกมีผลวันที่ 11 มิถุนายน
เพราะไปเซ็นสัญญาจ้างงานกับที่ทำงานใหม่ไว้แล้ว
และยืนยันให้บริษัทจ่ายค่าจ้างทั้งหมดคือ 4,225 บาท มาซะดี ๆ
แต่เมื่อถึงสิ้นเดือนมิถุนายนคุณศรีสมรก็ไม่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าว
คำถามก็คือ “บริษัทสามารถหักค่าจ้างคุณศรีสมร
(วันที่ 1-10
มิถุนายน) โดยอ้างว่าพนักงานไม่ทำตามกฎระเบียบและทำให้บริษัทเกิดความเสียหายหาคนมาทดแทนไม่ทันจึงต้องหักค่าจ้างตามระเบียบดังกล่าว”
ได้หรือไม่
?
แล้วในความคิดเห็นของท่าน
บริษัททำแบบนี้ได้ไหมครับ ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก ๆๆๆๆ
ถ้าใครเคยอ่านเรื่อง “เรื่องความรู้เกี่ยวกับใบลาออก”
ที่ผมเคยเขียนไปแล้ว ก็จะตอบได้ชัดเจนว่า....
“ทำไม่ได้” ครับ
และถ้าบริษัทไม่จ่ายค่าจ้างคุณศรีสมร
แล้วแกไปฟ้องศาลแรงงานรับรองว่าบริษัทผิดเต็มประตู
แบบไม่ต้องมีการต่อเวลายิงลูกโทษ ซึ่งในที่สุดบริษัทก็จะต้องจ่ายค่าจ้างค้างจ่าย 4,225 บาทให้คุณศรีสมรน่ะสิครับ
แม้บริษัทจะอ้างว่ามีกฎระเบียบประกาศให้พนักงานทุกคนรับทราบแล้วก็ตาม
แต่เรื่องจริงก็คือกฎระเบียบใด ๆ ของนายจ้าง ถ้ามันขัดกับกฎหมายแรงงาน
กฎระเบียบนั้นก็จะเป็นโมฆะใช้ไม่ได้ครับ
เพราะข้อเท็จจริงก็คือคุณศรีสมรทำงานจริงตั้งแต่วันที่
1-10
มิถุนายน และทำโอทีไปเมื่อเดือนที่แล้วจริงโดยมีค่าโอทีค้างจ่ายอยู่
225 บาท เมื่อลูกจ้างทำงานให้นายจ้าง
นายจ้างก็จะต้องจ่ายค่าจ้างให้กับลูกจ้างตามที่ทำไปแล้ว
เราลองมาดูคำพิพากษาศาลฎีกาที่
ฎ.6020/2545
ก็จะพบว่า “ลูกจ้างยื่นใบลาออกต่อนายจ้าง ย่อมถือเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาจ้าง
และการเลิกสัญญาจ้างมีผลในวันที่ลูกจ้างแจ้งไว้ในใบลาออกนั้น การเลิกสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มีกำหนดระยะเวลานั้น
นายจ้างหรือลูกจ้างมีสิทธิแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาจ้างได้แต่เพียงฝ่ายเดียวไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายหนึ่งยินยอมหรือตกลงหรืออนุมัติแต่อย่างใด
ชัดเจนนะครับ
ว่าถ้าคุณศรีสมรระบุว่าจะลาออกวันที่ 11 มิถุนายน ก็จะมีผลตามนั้น
คราวนี้ถ้ามองทางฝั่งของบริษัทซึ่งอาจจะเสียหายจากการที่คุณศรีสมรทิ้งงาน
ไม่ทำตามกฎระเบียบล่ะ บริษัทจะทำอะไรได้บ้าง ?
1. บริษัทก็ต้องไปฟ้องศาลแรงงาน
โดยพิสูจน์ให้ศาลท่านเห็นว่าผลจากการที่คุณศรีสมรไม่รับผิดชอบ
และไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของบริษัทนั้น
ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทอย่างไรบ้าง และคิดเป็นมูลค่าความเสียหายกี่บาทกี่สตางค์
เพื่อให้ศาลท่านวินิจฉัยและตัดสิน
2. ถ้าฝ่าย
HR ของบริษัทใหม่ที่คุณศรีสมรไปสมัครงานโทรมาสอบถามประวัติการทำงาน
บริษัทเดิมก็สามารถให้ข้อมูลกับทาง HR บริษัทใหม่ได้ว่าคุณศรีสมรลาออกไปโดยไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างไรบ้าง
ซึ่งก็เป็นการให้ข้อมูลไปตามข้อเท็จจริง
ซึ่งก็อาจจะมีผลให้คุณศรีสมรไม่ผ่านทดลองงานในบริษัทแห่งใหม่เพราะบริษัทแห่งใหม่กลัวว่าจะไปทำพฤติกรรมแบบเดิมกับเขาอีกก็เป็นได้
เท่าที่ผมนึกได้ก็มี
2 ข้อนี้แหละครับที่บริษัทพอจะทำได้ เพราะในกรณีนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมทั้งฝั่งบริษัทที่เสียหายจากการที่พนักงานทิ้งงานไม่ทำตามกฎระเบียบ
และพนักงานที่เสียหายจากการไม่ได้รับค่าจ้างเดือนสุดท้าย (บวกค่าโอที) ด้วย
แต่ยังไงก็ตาม
บริษัทไม่สามารถหักค่าจ้างในเดือนสุดท้ายของพนักงานที่ลาออกผิดกฎระเบียบได้
เข้าใจตรงกันนะครับ
…………………………………