เห็นข่าวร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งย่านดอนเมืองเกิดไฟลุกไหม้ท่อแก๊สแล้วก็มีพี่วินมอเตอร์ไซค์เบอร์ 4 เข้ามาเป็นฮีโร่ช่วยปิดวาล์วถังแก๊สได้ทันเวลาก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ใหญ่โต
หลังจากเหตุการณ์นี้เจ้าของร้านก็อยากจะขอบคุณพี่วินด้วยการเชื้อเชิญให้มากินก๋วยเตี๋ยวฟรีเมื่อไหร่ก็ได้
แต่พี่วินแกก็ขอบคุณไปแล้วก็ไม่ได้ไปกินก๋วยเตี๋ยวฟรีตามที่เจ้าของร้านเชิญชวน
ผมก็เลยมานึกถึงเรื่องของจิตวิทยาในเรื่องหลักความคิดที่ย้อนแย้งแบบ
Cognitive Dissonance ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งเหตุการณ์นี้จะอธิบายเรื่องความคิดแบบย้อนแย้งนี้ได้ดีเลยครับ
ถ้าจะถามว่าการที่พี่วินแกเข้ามาช่วยร้านปิดวาล์วถังแก๊สในขณะเกิดเหตุนั้น
แกหวังอะไรตอบแทนจากทางร้านหรือไม่ เช่น หวังว่าจะได้เงินตอบแทนจากเจ้าของร้าน
หรือหวังจะมากินก๋วยเตี๋ยวฟรี ถ้าแกช่วยทางร้านดับไฟได้สำเร็จ ?
คำตอบคือ
“ไม่ใช่”
พี่วินมาช่วยปิดวาล์วถังแก๊สด้วยใจสั่งมา
หรือจะบอกว่าด้วยสัญชาติญาณของการเป็นพลเมืองดีที่เห็นเหตุเฉพาะหน้าอย่างนั้น
และด้วยเคยเป็นลูกจ้างร้านแก๊สมาก่อน เคยได้รับการอบรมเรื่องนี้มาและรู้ว่าควรทำยังไงเมื่อเกิดเหตุแบบนี้
ก็เลยเข้ามาแก้สถานการณ์นี้ด้วยจิตใจของความเป็นพลเมืองดีไม่ได้มุ่งหวังสิ่งตอบแทนแต่แรก
พูดง่าย
ๆ ว่ามาช่วยร้านก๋วยเตี๋ยวด้วยใจแหละครับ
เมื่อเหตุสงบลง
ทางร้านก็อยากจะตอบแทนด้วยการให้พี่วินเขามากินก๋วยเตี๋ยวฟรีเมื่อไหร่ก็ได้
หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา
ตรงนี้คือความมีน้ำใจของทางเจ้าของร้านที่อยากจะตอบแทนความดีของพี่วินด้วยสิ่งของไม่ว่าจะให้มากินฟรี
(ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องใช้เงินเพื่อซื้อวัตถุดิบมาปรุงอาหาร) หรือจะตอบแทนเป็นตัวเงินที่นอกเหนือจากคำขอบคุณ
ก็เลยทำให้เกิด Cognitive Dissonance ในความคิดของพี่วิน เพราะแกเข้ามาช่วยทางร้านด้วยใจไม่ได้หวังเงินหรือสิ่งของตั้งแต่แรก
แต่พอทางร้านจะตอบแทนเป็นเงินหรือสิ่งของ ก็จะทำให้เจตนารมณ์และความคิดในครั้งแรกมันเสียไป
ถ้าพี่วินรับเงินตอบแทนจากทางร้านหรือมากินก๋วยเตี๋ยวฟรีเมื่อไหร่ก็ได้อย่างที่เจ้าของร้านเชิญไว้
แกก็จะรู้สึกว่าคนจะมองว่าแกมาช่วยเพราะหวังมากินฟรี
หรือหวังจะได้เงินตอบแทนจากการทำดีครั้งนี้น่ะสิ
นี่คือแบบหนึ่งของความคิดย้อนแย้งในตัวเองที่เรียกว่า
Cognitive
Dissonance
แต่ไม่ว่าแกจะคิดยังไงก็ต้องขอชื่นชมในความเป็นพลเมืองดีของพี่วินคนนี้ครับ