นาย A นาย B และนาย C เป็นเพื่อนเรียนวิศวะมาด้วยกัน เมื่อจบการศึกษาต่างก็เข้าทำงานเป็นวิศวกรคนละบริษัท เมื่อมีงานเลี้ยงรุ่นก็หนีไม่พ้นเรื่องการคุยกันเรื่องเงินเดือนว่าใครได้เงินเดือนเท่าไหร่
นาย
A เงินเดือน 22,000 บาท นาย B เงินเดือน
24,000 บาท นาย C เงินเดือน 26,000
บาท
ถ้านาย
A คิดแบบผิวเผินก็จะรู้สึกว่าตัวเองได้เงินเดือนน้อยกว่าเพื่อน
และอาจจะรู้สึกว่าบริษัทที่ทำอยู่เอาเปรียบเรา
กดเงินเดือนต่ำกว่าบริษัทที่เพื่อนทำอยู่
และรู้สึกไม่ดีกับบริษัทและฝ่ายบริหารของบริษัท
ถ้ายังเป็นอย่างงี้ต่อไปคงต้องร้องเพลงอย่างงี้ต้องลาออก
แต่ถ้าทั้ง 3 คนไม่ได้คุยเรื่องเงินเดือนแล้วคุยกันแต่เรื่องโบนัสล่ะ
บริษัทของนาย A
จ่ายโบนัสเฉลี่ยปีละ 3.5 เดือน บริษัทของนาย B นายโบนัสเฉลี่ยปีละ 3.0 เดือน และบริษัทของนาย C
จ่ายโบนัสเฉลี่ยปีละ 2.5 เดือน
ถ้าคิดแบบผิวเผินทั้งนาย
B และนาย C ก็ต้องอิจฉานาย A ว่าได้โบนัสมากกว่าตัวเอง
นาย B และนาย
C อาจจะอยากไปทำงานกับบริษัทของนาย A
เพราะเห็นว่าได้โบนัสเยอะดีกว่า
แต่ถ้าทั้ง 3 คุยกันเฉพาะเรื่องเงินเดือนกับโบนัสเท่านั้น
นาย A ก็จะยังรู้สึกว่าตัวเองยังมีรายได้รวมน้อยกว่านาย B
และนาย C จริงไหมครับ
แต่....
ต้องไม่ลืมว่าเมื่อเราพูดถึง
Pay
mix หรือองค์ประกอบค่าตอบแทนจะต้องดู Total Pay ทั้งหมด
Pay mix ประกอบด้วยอะไรบ้าง ?
1.
เงินเดือนมูลฐาน (Basic Salary)
2.
โบนัส
3.
สารพัดค่า (ที่ไม่ใช่ข้อ 1 และ
2) เช่น ค่าครองชีพ, ค่าวิชาชีพ, ค่าเบี้ยขยัน, ค่ากะ, ค่าโอที, ค่าอาหาร, ค่าภาษา, ค่าตำแหน่ง, ค่ารถ, ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ
เรื่องนี้จึงทำให้เห็นสัจธรรมอยู่
2 เรื่องคือ
1.
เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่
และ
2.
คนมักจะเอาสิ่งที่ตัวเองไม่มี
ไปเทียบกับสิ่งที่คนอื่นมี
แต่จะไม่เอาสิ่งที่เรามีไปเทียบกับสิ่งที่คนอื่นเขาไม่มี
ถ้านาย A มองแต่ตัวเงินเดือนเป็นหลักก็อาจจะรู้สึกน้อยอกน้อยใจบริษัทที่จ่ายให้น้อยกว่าเพื่อน
หรือแม้แต่นาย A มองตัวเงินเดือน+โบนัสก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น
เพราะนาย A กำลังเอาสิ่งที่ตัวเองไม่มีคือเงินเดือนได้น้อยกว่าเพื่อน
ไปเทียบกับเงินเดือนของเพื่อนที่ได้มากกว่า
แต่มักจะไม่เอาสิ่งที่ตัวเองมีไปเทียบกับสิ่งที่เพื่อนไม่มี
นั่นคือถ้าบริษัทของนาย
A จ่ายค่าเบี้ยขยัน, ค่าครองชีพ, ค่าวิชาชีพ, ค่ากะ, ค่าอาหาร,
ค่ารักษาพยาบาล ฯลฯ ที่มากกว่าบริษัทของนาย B และนาย C
จนบรรทัดสุดท้ายนาย
A มีรายได้รวม (Total Pay) จากบริษัทมากกว่านาย B
และนาย C
เรื่องนี้จึงเป็นข้อคิดให้กับทั้งคนที่ทำงานและคนที่ดูแลระบบค่าตอบแทนว่า
1.
เวลาจะเปรียบเทียบรายได้ต้องดูบรรทัดสุดท้ายคือ
Total
Pay ทั้งหมด
2.
ต้องจัดองค์ประกอบค่าตอบแทน (Pay mix) ให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม โจทย์ที่ท้าทายคือจะจัด Pay mix ของบริษัทเรายังไงให้พนักงานมี Total Pay ที่ไม่ต่ำกว่าตลาดแข่งขัน
3.
คำตอบของข้อ 2 คือต้องมี “ข้อมูล”
ของเงินเดือนเฉลี่ย, โบนัสเฉลี่ย, สารพัดค่า (แต่ละตัว) เฉลี่ยของตลาด+ทักษะการวิเคราะห์เพื่อหาสัดส่วน
Pay mix ที่เหมาะสมและแข่งขันได้ของ Com & Ben
4. ถ้า Com & Ben มีความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานที่ดีพอก็จะสามารถทำให้สารพัดค่าบางตัวไม่ใช่ “ค่าจ้าง” ตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งก็จะทำให้บริษัทลด Staff Cost บางตัวลงได้
แต่ถ้า Com & Ben ขาดความรู้ความเข้าใจกฎหมายแรงงานในเรื่อง
“ค่าจ้าง” ก็จะเกิดปัญหา Staff Cost บวมตามมาได้
ปิดท้ายบทความนี้เหมือนชื่อเรื่องคือจะวัดรายได้ใครดีกว่า..บรรทัดสุดท้ายคือคำตอบครับ