ทุกองค์กรย่อมจะมีกฎระเบียบเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมนั้น
ๆ หนึ่งในนั้นคือข้อบังคับการทำงานเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางวินัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความผิดทางวินัยกรณีร้ายแรงที่ถ้าหากพนักงานคนไหนทำความผิดทางวินัยร้ายแรงแล้ว
บริษัทสามารถบอกเลิกจ้างโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานและไม่ต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
ผมขอยกตัวอย่างความผิดทางวินัยร้ายแรงสักเรื่องหนึ่งเพื่อให้เข้าใจง่าย
ๆ ดังนี้ครับ
ชาญวิทย์เป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงินพบว่าบังอรลูกน้องที่เป็นพนักงานแคชเชียร์ทำงานกับบริษัทมา
15 ปีแล้ว ทุจริตยักยอกเงินของบริษัทไป 50,000 บาท
เมื่อบริษัทตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งประกอบด้วยชาญวิทย์ที่เป็นผู้บังคับบัญชาในหน่วยงานที่เกิดเรื่อง,
ผู้จัดการฝ่ายบุคคล, ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสอบสวน
ได้ทำการสอบข้อเท็จจริงพร้อมทั้งสอบพยานบุคคลและพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว มีข้อมูลชัดเจนว่าบังอรติดการพนัน
มีหนี้สินมาก ตั้งวงแชร์ในบริษัทและมีปัญหายืมเงินเพื่อน ๆ หลายคน ไปแล้วไม่ใช้ แล้วก็ทุจริตยักยอกเงินบริษัทจริง
บังอรก็ยอมรับเพราะจำนนต่อหลักฐาน
!!
ตามข้อบังคับการทำงานของบริษัทก็ระบุไว้ชัดเจนว่าการทุจริตลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์สินของบริษัทนั้นถือเป็นความผิดกรณีร้ายแรง
บริษัทมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
บังอรก็ไปพบกับ MD โดยไปร้องห่มร้องไห้ขอโอกาสแก้ตัวกับ MD บอกว่าที่ต้องยักยอกเงินบริษัทนั้นเธอมีความจำเป็นจริง
ๆ เพราะต้องเอาไปเป็นค่าเทอมให้ลูกเรียน
ไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหนจึงต้องจำใจยักยอกเงินดังกล่าว พร้อมทั้งขอร้อง MD
อย่าเลิกจ้างเธอ
ถ้าบริษัทเลิกจ้าง
ลูกเธอต้องออกจากโรงเรียน จะไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว เนื่องจากบังอรเป็น Single
mom ต้องเลี้ยงดูลูก อยากจะขอให้บริษัททำหนังสือตักเตือนเธอในครั้งนี้ก็พอ
และรับปากว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
แถมบอกว่าถ้า
MD ยังยืนยันจะเลิกจ้างเธอก็เท่ากับ MD กำลังทำร้ายครอบครัวของเธอและทำให้ครอบครัวของเธอต้องมีปัญหา ฯลฯ
ข้อคิดในเรื่องนี้ก็คือ....
1. ความผิดที่บังอรทำในครั้งนี้เป็นความผิดร้ายแรงหรือไม่
โทษเกี่ยวกับความผิดร้ายแรงตามข้อบังคับการทำงานของบริษัทบอกไว้ว่ายังไง
2.
บริษัทจะแน่ใจได้ยังไงว่าต่อไปบังอรจะไม่ร้อนเงินและจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก
3.
บริษัทจะไว้วางใจเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่งมีโอกาสก้าวหน้าต่อไปหรือไม่
บังอรยังจะมี Career Path ต่อไปยังไง และบริษัทจะไว้วางใจให้บังอรมีอำนาจอนุมัติอะไรได้อีกหรือไม่
4.
สมมุติว่าบริษัทไม่เลิกจ้างบังอร
โดยจะให้ย้ายบังอรไปทำงานในหน่วยงานใดก็ตาม
เพื่อนพนักงานในหน่วยงานที่บังอรย้ายไปอยู่ใหม่เขาจะไว้วางใจบังอรหรือไม่ว่าจะไม่มายืมเงินหรือคอยระแวงไม่กล้าวางกระเป๋าตังค์ทิ้งไว้
5.
พนักงานคนอื่น ๆ
ในบริษัทก็จับจ้องมองการตัดสินใจของฝ่ายบริหารอยู่ว่าบริษัทจะทำยังไงในกรณีนี้
ถ้าบริษัทออกหนังสือตักเตือนโดยไม่เลิกจ้าง ก็เท่ากับบริษัทส่งสัญญาณไปยังพนักงานคนอื่น
ๆ ให้เกิดการรับรู้ว่าถ้าทุจริตแล้วในที่สุดบริษัทก็ยังไม่เลิกจ้าง จะมีพนักงานที่กล้าเสี่ยงทุจริตทำนองเดียวกันนี้อีกหรือไม่
6. ที่บังอรบอกว่าถ้าหากบริษัท
(หรือ MD) เลิกจ้างเธอ เท่ากับ MD กำลังทำร้ายครอบครัวของเธอนั้น
คำถามคือถ้าบังอรไม่ยักยอกเงินของบริษัทจะเกิดปัญหานี้ขึ้นหรือไม่ ใครกันแน่เป็นต้นเหตุที่ทำร้ายครอบครัวของบังอร
?
ถ้าบังอรใช้ตรรกะแบบนี้บรรดาโจรผู้ร้ายลักวิ่งชิงปล้นทั้งหลายก็คงจะพูดแบบเดียวกันว่าห้ามตำรวจมาจับเขานะ
เขาจำเป็นต้องปล้นเพื่อเอาเงินที่ปล้นมาส่งลูกเรียน
ถ้าตำรวจไปจับเขาก็เท่ากับตำรวจเป็นคนทำร้ายครอบครัวของโจรด้วยอย่างงั้นหรือ ?
อ่านจบแล้วถ้าท่านจะต้องเป็นคนตัดสินใจ....จะตัดสินใจยังไงดีครับ ?