ก่อนอื่นต้องคิดทางฝั่งเจ้าของ (MD หรือเถ้าแก่) เสียก่อนนะครับว่าเขาก่อตั้งธุรกิจเข้ามากับมือ เป็นคนลงทุนทุกอย่างและต้องรับความเสี่ยงทุกอย่างของบริษัทเอาไว้เขาก็ต้องเป็นห่วงธุรกิจของเขาเป็นธรรมดา ที่ต้องพูดอย่างนี้ก่อนเพราะท่านจะได้ “เข้าใจเขา” ในส่วนของเขาก่อน
คราวนี้มาในส่วนของตัวเราล่ะถ้าจะไปบอกว่าเขาไม่ควรทำอย่างงั้นผมว่าโอกาสที่เขาจะรับฟังนั้นค่อนข้างยาก
เพราะเป็นธรรมดาของคนเป็นหัวหน้านั้นก็มักจะมี Ego
หรือความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเป็นเรื่องปกติ
“สไตล์” ในการบริหารจัดการของแต่ละคน
(ที่เป็นเจ้าของ หรือเป็น MD) ก็ย่อมจะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะมีวิธีการบริหารแบบ “ไว้ใจ” หรือ “ไม่ไว้ใจ” ลูกน้องมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้น ผู้บริหารระดับรอง
ๆ ลงมาเช่นผู้จัดการฝ่ายต่าง ๆ ผู้จัดการแผนก หัวหน้างานระดับรอง ๆ
ลงมาก็จะได้รับการมอบหมายงาน
และอำนาจกันเป็นลำดับก็จะทำให้องค์กรนั้นมีการทำงานแบบกระจายความรับผิดชอบและทุกคนก็จะต้องมีความรับผิดชอบตามขอบเขตอำนาจที่ได้รับมอบหมาย
แต่ถ้านายใหญ่ไม่ไว้ใจคนอื่นก็จะมีแนวโน้มที่จะรวบอำนาจ
(Centralization) ไว้ที่ส่วนกลางก็จะทำให้การตัดสินใจทุกอย่างก็จะวิ่งไปหานายใหญ่ทั้งหมด
บริษัทใดที่มีลักษณะแบบนี้ก็อาจจะดีในช่วงแรก
ๆ ที่ทำธุรกิจ ที่ยังมีจำนวนพนักงานไม่มากนัก MD ยังสามารถว่าการเองได้ทั้งหมด เพราะแกจะรู้จักอุปนิสัยใจคอ
การทำงานของลูกน้องทุกคนได้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อองค์กรขยายไปและมีพนักงานเพิ่มมากขึ้นวิธีการแบบนี้ก็จะเริ่มไม่ได้ผล
เพราะถนนทุกสายจะมุ่งสู่ “นายใหญ่” หรือ
MD
ทำให้ MD ต้องแปลงร่างเป็นพระนารายณ์สี่กร
หรือเรียกว่าเป็น “ผู้รับเหมา” ไปหมดทุกเรื่อง
ก็จะมีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดมากยิ่งขึ้นในที่สุดก็จะเกิดปัญหาในการบริหารจัดการและทำให้องค์กรนั้น
ๆ ไม่สามารถเติบโตมากไปกว่านั้นได้
สำหรับการแก้ไขนั้น ผมแนะนำให้ท่านลองใช้วิธี
“ป่าล้อมเมือง” ดีไหมครับ
โดยลองไปเลียบ ๆ เคียง
ๆ ผู้บริหารคนอื่น ๆ ว่าเขามีปัญหาในเรื่องที่ MD
เข้ามาล้วงลูก (มาก้าวก่าย) หยอดเงินเดือนให้ลูกรัก MD บางคนเป็นพิเศษจนทำให้ฝ่ายนั้น ๆ ต้องเสียการปกครองลูกน้อง
ทำให้ลูกน้องไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาแล้วแหงนหน้ารอทำตามที่ MD บัญชามาเท่านั้นเพราะรู้ว่า MD เป็นคนขึ้นเงินเดือนให้ตัวเองได้
ส่วนหัวหน้าก็เป็นแค่หัวหลักหัวตอเท่านั้น
แล้วก็รวบรวมข้อมูลที่เป็นปัญหาเหล่านี้ไว้สักระยะหนึ่งผมว่าอาจจะใช้เวลาสัก
6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อให้ได้ข้อมูลว่ามีปัญหาอะไรบ้างจากการแทรกแซงล้วงลูกของ MD
ที่ผ่านมา
พูดง่าย ๆ คือ
1. ให้ผู้บริหารหลาย ๆ คนช่วยกัน Feedback ดีกว่าท่านจะพูดอยู่เพียงคนเดียว
2. มีข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการที่ MD ล้วงลูกปรับขึ้นเงินเดือนให้กับลูกรักตัวเองโดยไม่ปรึกษาหัวหน้าในฝ่ายนั้น
ๆ ว่าการทำแบบนี้ทำให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง
แต่ถ้าช่วยกันพูดก็แล้ว
ให้ข้อมูลไปก็แล้ว MD (เถ้าแก่) ก็ยังมีพฤติกรรมเหมือนเดิม
หรือคิดว่าสิ่งที่เขาทำยังเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำต่อไป ก็ต้องทำใจแหละครับ
ผมมองว่าการบริหารด้วยวิธีการรวบอำนาจแบบนี้จะเป็นสัญญาณว่าบริษัทนี้จะมีปัญหาในการบริหารคนมากขึ้นเรื่อย
ๆ
และมีแนวโน้มที่คนมีฝีมือมีศักยภาพจะทำงานอยู่ด้วยไม่นานก็จะลาออกไปเพราะไม่สามารถรับกับระบบแบบนี้ได้ครับ