วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ข้อคิดเกี่ยวกับ WFH และ RW

             มีผู้ส่งบทความเรื่อง “ทำงานที่บ้าน vs ทำงานทางไกลชื่อคล้ายกันแต่ไม่เหมือนกัน” โดยลงทุนแมน เมื่อวันที่ 1 ตค.2564 (ไป Search คำ ๆ นี้ในกูเกิ้ลเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมนะครับ)

โดยสรุปของบทความนี้คือแบ่งการทำงานออกเป็น 2 แบบคือ

1.      ทำงานที่บ้าน หรือ WFH (Work From Home) ที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว

2.      ทำงานทางไกล (Remote Work ซึ่งต่อไปนี้ผมขอเรียกว่า RW นะครับ) คือการทำงานที่ไม่ต้องเข้า Office เลยตลอดการจ้าง, ให้พนักงานจัดสรรเวลาทำงานเองโดยดูผลลัพธ์ของงานที่ตกลงกันเป็นหลัก, ทำงานผ่านอินเตอร์เน็ตเต็มรูปแบบ

ในบทความนี้ยกตัวอย่างของกูเกิ้ลที่ไปกำหนดเงินเดือนของพนักงานทั้งสองรูปแบบข้างต้นคือ

1.      ปรับลดฐานเงินเดือนสำหรับพนักงาน RW ลง 15% สำหรับพนักงานที่พักอาศัยนอกเขตนิวยอร์ค 5 เขต

2.      ยังคงฐานเงินเดือนเดิมสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบ WFH หากยังพักอาศัยในเขตเมือง

จากนโยบายดังกล่าวก็เลยเกิดปัญหาความไม่เป็นธรรมสำหรับพนักงานที่เดิมเคยพักอาศัยอยู่นอกเขตนิวยอร์คมาก่อนหน้านี้ก็ต้องมาปุ๊บปั๊บรับเงินเดือนลดลง

เพราะเหตุแค่เพียงไม่ได้พักอาศัยอยู่ในเขตเมืองนิวยอร์ค ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ต้องทำงานที่บ้านเหมือนกับพวกที่พักอยู่ในเมือง และก็ต้องจ่ายค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าอินเตอร์เน็ต, ค่าเช่าบ้าน และมีค่าใช้จ่ายที่บ้านคล้าย ๆ กับพวกที่อยู่ในเมืองนั่นแหละ

ท่านที่ Forward บทความนี้มาให้ผมอ่านก็เลยถามความเห็นในแง่ของคนดูแลค่าตอบแทนว่ามีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับนโยบายนี้ ?

ก็ตอบตามความเห็นส่วนตัวของผม (ย้ำว่าเป็นความเห็นเฉพาะตัวของผมนะครับใครที่อ่านแล้วจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นความคิดความเห็นของแต่ละท่านนะครับ) มีดังนี้

1.      ผมยังยืนยันหลักในการปรับฐานเงินเดือน (ไม่ว่าจะเพิ่มขึ้นหรือลดลง) ตามสมการนี้อยู่เสมอคือ

                                                        เงินเดือน = P+C

P=Performance นั่นคือองค์กรจะต้องมีการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานอย่างเหมาะสมตามผลงานที่พนักงานทำให้กับองค์กร ถ้ามีการให้เงินเดือนอย่างเหมาะสมกับผลงานก็จะเป็นเครื่องมือหนึ่งในการรักษาคนไว้กับองค์กรได้ ถ้าให้อย่างไม่เป็นธรรมก็มีแนวโน้มที่พนักงานจะลาออกไปที่อื่น

C=Competency องค์กรต้องจ่ายเงินเดือนให้เหมาะกับสมรรถนะความสามารถของพนักงาน ถ้าพนักงานคนไหนมีความรู้ในงาน (Knowledge) มีทักษะ (Skill) ในการทำงานตรงกับลักษณะของงานในตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบ และมีคุณลักษณะภายใน (Attributes) เหมาะตรงกับงานที่รับผิดชอบ

หรือเรียกว่ามี K S A เหมาะตรงกับงานที่รับผิดชอบ องค์กรก็ต้องจ่ายให้อย่างเป็นธรรมถึงจะสามารถรักษาคนดีมีฝีมือเอาไว้ได้ด้วยเช่นเดียวกัน

2.      จากสมการข้างต้นจะเห็นได้ว่าไม่มีเรื่องของ Location เข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะการที่พนักงานจะพักอาศัยอยู่ที่ไหนก็ไม่น่าจะมีผลเกี่ยวข้องกับผลงานของพนักงานมากมายจนมีนัยสำคัญ

แถมยังจะทำให้เกิดดราม่าต่อมาภายหลังได้อีกว่า แล้วถ้าพนักงานที่อยู่ในเขตเมืองที่ได้รับเงินเดือนสูงกว่าคนที่อยู่นอกเขตเมืองแต่มีผลงานแย่กว่าคนที่อยู่นอกเขตเมืองล่ะ บริษัทจะเอายังไง อย่างงี้จะวุ่นไหมล่ะครับ

อย่าลืมสัจธรรมที่สำคัญข้อหนึ่งคือ “เงินเดือนของเราได้เท่าไหร่ไม่สำคัญเท่ากับเพื่อนได้เท่าไหร่” นะครับ ถ้ามีการจ่ายใด ๆ ไม่มีเหตุผลที่ฟังได้ก็มักกลายเป็นชนวนที่จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้เสมอ

3.      องค์กรควรทบทวนดูว่ามีตำแหน่งงานใดบ้างที่สามารถทำงานแบบ WFH ได้ คือให้ไปทำงานที่บ้านได้เป็นส่วนใหญ่แล้วเข้ามาประชุม มานำเสนอ หรือส่งงานให้กับบริษัทเป็นบางวัน เช่น WFH สัปดาห์ละ 4 วัน เข้าบริษัท 1 วัน

4.      ทบทวนว่าควรเปลี่ยนสภาพการจ้างสำหรับพนักงาน WFH ใหม่อะไรบ้าง เช่น จะมีการปรับลดเงินเดือน (รวมทั้งเงินอื่น) ลงหรือไม่ กี่เปอร์เซ็นต์ หรือมีการปรับเปลี่ยนการให้สวัสดิการสำหรับกลุ่ม WFH เช่นช่วยค่าอินเตอร์เน็ตรายเดือน หรือค่าโทรศัพท์ (4G,5G) แบบไหนยังไงถึงจะเหมาะกับลักษณะการทำงาน, พนักงาน WFH สามารถรับงานอื่นมาทำด้วยเพื่อให้พนักงานมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นจากการที่ถูกลดเงินเดือนลงไปได้หรือไม่ หาจุด Win-Win ที่เหมาะสมว่าควรจะอยู่ตรงไหน (แต่ละองค์กรจะมีจุด Win-Win ที่ไม่เหมือนกัน)

ซึ่งการรับงานอื่นมาทำก็ต้องไม่กระทบผลงานที่จะส่งให้กับบริษัท สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ Com & Ben (Compensation & Benefits Manager) จะต้องมาหาข้อมูล คิดวิเคราะห์ผลดีผลเสียแล้วนำเสนอฝ่ายบริหารพิจารณาตัดสินใจครับ

5.      สำหรับการทำงานแบบ RW ผมเห็นว่าควรจ้างในรูปแบบของ Outsource โดยดูผลลัพธ์ของงานที่บริษัทต้องการเป็นเรื่อง ๆ ไป หรือเป็นโครงการตามที่ตกลงกันโดยมีลักษณะเป็นการจ้างทำของ ไม่ใช่การจ้างแรงงาน ซึ่งจะตัดปัญหาดราม่าการฟ้องร้องกันในศาลแรงงาน (ถ้ามี) ในอนาคตไปด้วย เพราะการจ้างแบบ RW จะมุ่งเน้นผลลัพธ์ของงานเป็นสำคัญอยู่แล้ว

6.                 ผมมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำงานทั้งแบบ WFH และ RW คือในระยะยาวน่าจะมีผลในแง่ของความผูกพันของคนกับองค์กร (Employee Engagement) ว่ามีแนวโน้มจะลดลง เพราะพนักงานไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน ปฏิสัมพันธ์ไม่ว่าจะระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องหรือฝ่ายบริหารกับพนักงานจะน้อยลง และจะมุ่งผลประโยชน์ระหว่างกันเป็นหลัก

7.                การทำงานทั้งแบบ WFH และ RW มีแนวโน้มจะเกิดปัญหาด้านการสื่อสารและความเข้าใจผิดพลาดคลาดเคลื่อนซึ่งกันและกันได้ง่าย ดังนั้นองค์กรควรจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องการสื่อสารเป็นพิเศษเพื่อลดปัญหาความเข้าใจผิดซึ่งจะมีผลกระทบต่องาน

อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าทั้งหมดนี้ความเห็นส่วนตัวของผมเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้เกี่ยวข้องนำไปคิดปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กรของท่านต่อไปครับ