คำที่มากับ Covid 19 คือคำว่า Next Normal หรือจะเรียกว่าวิถีใหม่ก็ได้นะครับ หมายถึงเมื่อเกิดไวรัสระบาดในครั้งนี้แล้วก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในทุกภาคส่วนไปจากเดิมมากมายหลายอย่าง
ถ้าจะถามว่าแล้วในการบริหารคนล่ะจะมีการปรับเปลี่ยนวิถีใหม่ในองค์กรเป็นยังไงในมุมมองผม
ก็ตอบได้ว่าผมมีความเห็นอย่างนี้ครับ
1.
องค์กรควรมุ่งเน้นผลงาน (Output) แทนที่จะมา Focus กับการลงเวลามาทำงาน โดย HR จะต้องสำรวจทบทวนดูว่าตำแหน่งและหน่วยงานใดที่จะ
Work from home ได้บ้าง, ตำแหน่งไหนที่ยังจำเป็นต้องมาทำงานที่บริษัท
ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นงานที่จะต้องมาใช้เครื่องไม้เครื่องมือในที่ทำงานเช่นในโรงงาน
พร้อมทั้งกำหนดวิธีการวัดผลงานตามลักษณะงานให้ชัดเจน
2.
หา Software ที่เหมาะสมเพื่อสนับสนุนการทำงาน
องค์กรควรจะต้องลดหรือยกเลิกการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบกระดาษแล้วเปลี่ยนเป็นการใช้
Software
เข้ามาช่วยลดเวลาการทำงาน Routine ลง เช่น
การประเมินผลการปฏิบัติงาน ควรใช้ Software เข้ามาช่วยให้หัวหน้าประเมินลูกน้องได้ทุกแห่ง
เช่น เป็นแอพลิเคชั่นการประเมินผลงานผ่านมือถือ
หรือประเมินในโน้ตบุ๊กที่บ้านก็ได้หรือการจัดหา Software สำหรับการ
Work from home หรือ Software ที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างพนักงานในการประสานงาน
รวมถึงมีการวางมาตรการในการสื่อสารสั่งการของแต่ละหน่วยงานว่าใครจะเป็น Contact
person เมื่อมีเกิดเหตุเร่งด่วนฉุกเฉิน
3.
ต้องค้นหาว่าตำแหน่งใดเป็น Key Position และพนักงานคนไหนบ้างที่เป็น Key Person พร้อมทั้งต้องทำผังทดแทน
(Succession Plan) ในกรณีที่พนักงานที่เป็น Key
Person ติดเชื้อหรือไม่สามารถปฏิบัติงานได้ใครจะเป็นคนทำงานแทนได้
พร้อมทั้งต้องมีแผนการพัฒนาพนักงาน Individual Development Plan-IDP) ที่ถูกวางตัวให้เป็นทายาท (Successor) รวมถึงมีการติดตามผลการพัฒนาให้ชัดเจน
4.
ต้องทบทวนผังองค์กรและอัตรากำลังใหม่ โดยพิจารณาว่าหน่วยงานไหนควรจะมีอัตรากำลังเท่าเดิม
หน่วยงานไหนจะลดอัตรากำลังลงได้ งานใดที่สามารถ Outsource ได้
ซึ่งจะรวมไปถึงการวิเคราะห์งาน (Job Analysis) ในตำแหน่งต่าง
ๆ ใหม่อีกครั้งหนึ่งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
5.
องค์กรต้องทำ Layout สถานที่ทำงานใหม่ให้สอดคล้องกับยุควิถีใหม่ เพื่อป้องกันหรือลดการติดเชื้อ
6.
วางกฎเกณฑ์การติดต่อประสานงานและการทำงานในองค์กรทั้งในและต่างประเทศ
โดยการวางแนวปฏิบัติให้ชัดเจนว่าจะมีกฎเกณฑ์อย่างไรบ้างดังนี้
6.1
กรณีพนักงานจะต้องเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศแล้วกลับมาประเทศไทย
6.2
กรณีพนักงาน Expat Staff จากต่างประเทศจะต้องมาติดต่องานในประเทศไทย
6.3
กรณีบุคคลภายนอกเข้ามาติดต่องานในหน่วยงานต่าง
ๆ จะต้องมีจุดพักรอตรงไหน หรือมีการสกรีนบุคคลภายนอกแบบไหนยังไง
7.
การดูแล Facility ส่วนกลางให้ปลอดเชื้อและมีความสะอาดเพิ่มขึ้น เช่น
ห้องอาหาร
Canteen) , ห้องออกกำลังกาย (Fitness),
ห้องประชุม, จุดรับแขก, สภาพแวดล้อมในสถานที่ทำงาน ฯลฯ
8.
ปรับปรุงกระบวนการสรรหาว่าจ้าง ในเรื่องนี้บางองค์กรอาจจะมีระบบรองรับอยู่แล้ว
แต่สำหรับองค์กรที่ยังไม่มีก็คงจะต้องเริ่มคิดวางระบบเกี่ยวกับการสรรหาว่าจ้างดังต่อไปนี้
8.1
การรับสมัครโดยกรอกใบสมัครผ่านหน้าเว็บไซด์ของบริษัท
8.2
การทดสอบความสามารถเบื้องต้นของผู้สมัครผ่านหน้าเว็บไซด์ของบริษัท
8.3
การให้ผู้สมัครงานส่งคลิปแนะนำตัวเองและประวัติการทำงานมาทางเว็บไซด์ของบริษัท
8.4
การสัมภาษณ์ทางออนไลน์
8.5
เริ่มคิดวิธีการจ้างงานแบบ Gig หรือ
Outsource งานประจำบางส่วนออกไป
9.
ปรับรูปแบบการจัดการฝึกอบรมให้เหมาะสม เช่น
บางหลักสูตรอาจจะใช้การฝึกอบรมแบบออนไลน์ (ซึ่งมักจะเหมาะกับการสอนแบบบรรยายทางเดียว)
แต่ถ้าเป็นหลักสูตรฝึกอบรมที่จะต้องลงมือปฏิบัติหรือมี Workshop ก็ต้องจัดให้มีพนักงานเข้าอบรมไม่มากนัก มีการนั่งห่างกันในระยะที่เหมาะสม
สวมหน้ากากอนามัยในระหว่างการอบรม ทำความสะอาดสถานที่ฝึกอบรมเพื่อลดการแพร่เชื้อโรค
ฯลฯ
จากที่ผมบอกมาข้างต้นนี้ก็คงจะเป็นโจทย์สำคัญสำหรับ
HR ที่จะต้องเป็น Change Agent สำคัญที่จะเสนอแนะให้ไอเดียกับฝ่ายบริหารในการปรับตัวเพื่อเข้าสู่
Next Normal หรือวิถีใหม่ขององค์กร ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ท่านเกิดไอเดียในการนำไปปรับใช้ในงานกันบ้างแล้วนะครับ
...........................