ยังมีคนอีกไม่น้อยนะครับที่ชอบคิดว่า “ความผิดของคนอื่นเท่าภูเขา..ความผิดของเราเท่าเส้นผม”
นี่แหละครับคืออคติที่เราเรียกว่า
Fundamental
Attribution Error คือจะมองความผิดของตัวเองยังมีน้อยกว่าคนอื่นเสียอีก
เรามักพบเห็นอคติประเภทนี้ได้เสมอตามสื่อต่าง
ๆ เช่น เมื่อตำรวจจับเด็กแว๊นได้
พ่อแม่ของเด็กแว๊นก็จะดาหน้ากันออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ลูกฉันเป็นคนดี
เขาขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อตอนตีสาม
ทำไมตำรวจมาจับลูกหาว่าเป็นเด็กแว๊น ทำไมไม่ไปจับพวกลักวิ่งชิงปล้นล่ะ
พวกนั้นผิดมากกว่าลูกฉันตั้งเยอะ....”
หรือถ้าอคติตัวนี้เป็นเรื่องเป็นระดับชาติเรามักพบเห็นพวกนักการเมืองบางคนที่ให้สัมภาษณ์ว่า
“มาหาว่าพวกเราบริหารงานผิดพลาด
แต่ตอนที่พวกคุณเป็นรัฐบาลพวกคุณบริหารผิดพลาดมากกว่าเราเสียอีก....”
หรือ
“มาหาว่ารัฐบาลทุจริต
ตอนที่พวกคุณ (ฝ่ายค้าน) เป็นรัฐบาล คุณก็ทุจริตกันมากมายยิ่งกว่านี้อีก....”
ชัดไหมครับ ?
ที่เป็นอย่างงี้ก็เพราะหลักจิตวิทยาที่ว่าถ้าเราจะต้องมาคิดว่าเราทำอะไรผิดพลาดบ้าง
ความผิดพลาดนั้นทำให้เกิดความเสียหายมากหรือน้อยแค่ไหน ฯลฯ เราก็จะหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเราเองได้สารพัดด้วยกลไกการปกป้องตัวเอง
(Self Mechanism) ที่มีอยู่ในตัวทุกคน
ลองคิดดูสิครับว่ายิ่งถ้าคนที่เป็นหัวหน้าเป็นผู้บริหารมี
Fundamental
Attribution Error สูงจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เช่น....
-
เวลานัดประชุมทีมงาน หัวหน้ามาสายก็จะบอกว่าหัวหน้าคนอื่นเขามาสายมากกว่าพี่ซะอีก
-
CEO เปรยในที่ประชุมผู้บริหารว่า
“มาหาว่าบริษัทเราหลีกเลี่ยงภาษี
ทีบริษัทอื่นเขาหลบภาษีกันมากกว่าบริษัทเราตั้งเยอะ....”
-
มาหาว่าพี่ขึ้นเงินเดือนให้ไม่ยุติธรรม
ตัวคุณเองล่ะทุ่มเททำงานให้บริษัทมากพอแล้วหรือ
-
ฯลฯ
ดังนั้นคนที่มีอคติแบบนี้ก็จะทำให้เกิดปัญหากับคนรอบข้างได้เพราะวิธีคิดแบบนี้แหละครับ