วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ไม่ควรใช้ Normal Curve เพื่อหาแพะ


            เมื่อพูดไปเรื่องของการใช้ Normal Curve เป็นเครื่องมือในการจัดสรรงบประมาณขึ้นเงินเดือนที่มีอยู่จำกัดไปในตอนที่แล้ว ก็เลยขอแชร์เรื่องที่เคยเจอมาต่อไปเลยนะครับ

            บางองค์กรก็มีการใช้ Normal Curve ในการจำแนกเกรดหรือผลการประเมินของพนักงานแบบบาท-สลึงหรือใช้แบบ “เป๊ะ” มากจนเกินไป

            เช่น ถ้าหัวหน้าประเมินลูกน้องว่ามีคนเก่งยอดเยี่ยมเกรด A 1 คน จะต้องไปหาลูกน้องที่ได้ E มา 1 คนเพื่อให้ Normal Curve มันสมดุลเท่ากันเป๊ะ ๆ

            ถ้าหัวหน้าประเมินว่ามีลูกน้องได้เกรด B 2 คน ก็ต้องไปไล่หาดูว่าจะให้ลูกน้องคนไหนที่ได้เกรด D มา 2 คน จะได้สมดุลกับเกรด B

          ดูแล้วเหมือนการหา “แพะ” มาบูชายัญยังไงยังงั้นเลยครับ

            ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงอาจจะไม่มีลูกน้องที่เป็นเกรด E เลยก็ได้แต่หัวหน้าหรือบางทีก็ฝ่ายบริหารแหละที่ไปให้นโยบายว่า “ถ้ามี A ต้องมี E ถ้ามี B ต้องมี D”

            ผู้บริหารระดับรองลงมาก็เลยต้องทำตามนโยบายนี้ ดู ๆ ไปแล้วก็คล้ายกับเรื่อง “โค้งผีสิง” ที่เวลาเกิดอุบัติเหตุก็มักจะมีคนเล่าลือกันว่าจะต้องมีตัวตายตัวแทนกันอะไรทำนองนี้แหละครับ

          ผมถึงได้เรียกว่าเป็นนโยบายใช้ Normal Curve แบบบาท-สลึงเกินไป

            ถ้าถามความเห็นของผม ๆ ก็มองว่าไม่จำเป็นต้องไปหาตัวตายตัวแทนอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องบาท-สลึงอะไรขนาดนั้น เพราะถ้าหัวหน้าประเมินลูกน้องให้ได้เกรด A ตามผลงานหรือตาม KPIs อะไรก็แล้วแต่และแน่ใจว่าเป็นคนที่มีผลงานดีเยี่ยม 1 คน ลูกน้องที่เหลือก็อาจจะเป็น C ทั้งหมด หรือเป็น C เกือบทั้งหมดก็ได้ ก็ประเมินกันไปตามข้อเท็จจริงสิครับ

            และสิ่งที่สำคัญก็คือหัวหน้าผู้ประเมินจะต้องสมดุลผลการประเมินกับงบประมาณขึ้นเงินเดือนที่ได้รับไปให้ลงตัวกันด้วยเหตุและผล ซึ่งในที่สุดต้องไม่เกินงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรไป

            เท่านั้นก็โอเคแล้วครับ

            หรือจะพูดง่าย ๆ ว่าก็เป็นดุลพินิจของผู้บริหารในแต่ละฝ่ายหรือแต่ละแผนกที่จะประเมินผลการปฏิบัติงานลูกน้องของตัวเองไปตามข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกันก็ต้องสามารถ “หยอด” เงินให้กับลูกน้องตามผลงานที่เขาทำได้อย่างสมเหตุสมผลและไม่เกินงบประมาณที่ได้รับไป

            ก็เท่านั้นแหละครับ ไม่จำเป็นจะต้องไปหาแพะหาแกะอะไรมาบูชายัญตามนโยบายบาท-สลึงหรอกครับ

            เดินสายกลาง ๆ ไม่ตึงไปไม่หย่อนไปจะสุขกว่าไหมครับ?

…………………………..