มีคำพูดอยู่คำหนึ่งว่า....
“ประชาชนจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้”
แปลกแต่จริงที่วันนี้เรื่องของกฎหมายใกล้ตัวที่สุดสำหรับคนทำงานไม่ว่าจะเป็นนายจ้างหรือลูกจ้างก็คือกฎหมายแรงงานนั้น
กลับยังดูเหมือนเป็นเรื่องลี้ลับหรือเป็นแดนสนธยาก็ปานนั้น
ผมยังได้ยินได้ฟังอยู่ทุก ๆ
วันนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่นายจ้างทำไม่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานบ้าง
หรือลูกจ้างก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมันถูกหรือมันผิดกฎหมายแรงงานอยู่
ดังนั้นวันนี้เราลองมาทดสอบความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานกันแบบง่าย
ๆ ดีไหมครับ ไม่ว่าจะท่านจะเป็นนายจ้าง หรือจะเป็นลูกจ้างก็ตาม
ท่านลองอ่านคำถามต่อไปนี้แล้วขีดถูกหน้าข้อที่ท่านเห็นว่าถูกและกากบาทหน้าข้อที่ท่านเห็นว่าผิด
เดี๋ยวเรามาดูกันว่าท่านจะตอบถูกหรือผิดกันสักกี่ข้อ
แต่....อ๊ะๆ ๆ ๆ ๆ ซื่อสัตย์กับตัวเองนะครับ ผมอยากให้ท่านตอบจากความเข้าใจของตัวเองโดยไม่ต้องไปเปิดดูตัวบทกฎหมายนะครับ
ถ้าทำอย่างงั้นผมจะถือว่าท่านยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานเลย
เอาล่ะครับถ้าพร้อมแล้ว..เริ่ม....
1.
กฎหมายแรงงานมีโทษสูงสุดคือปรับไม่เกิน
200,000 บาท
ไม่มีโทษจำคุก
2.
นายจ้างสามารถเก็บเงินค้ำประกันการเข้าทำงานกับลูกจ้างทุกตำแหน่งงานได้ไม่เกิน
10,000 บาทต่อราย หากลูกจ้างไม่มีเงินมาวางค้ำประกันนายจ้างอาจให้ลูกจ้างหาบุคคลมาค้ำประกันการทำงานได้
3.
บริษัทมีระเบียบว่าการยื่นใบลาออกต้องยื่นล่วงหน้า
30 วัน
หากลูกจ้างลาออกไม่ถูกต้องตามระเบียบนี้ บริษัทมีสิทธิยึดเงินค้ำประกันการทำงาน ถ้าลูกจ้างยื่นใบลาออกในวันนี้มีผลในวันพรุ่งนี้บริษัทก็สามารถยึดเงินค้ำประกันการทำงานของลูกจ้างรายนี้ได้ตามระเบียบ
4.
กรณีที่ในสัญญาจ้างงานระบุว่า
“ถ้าหากพนักงานมีผลการปฏิบัติงานในระหว่างการทดลองงานไม่เป็นที่น่าพึงพอใจและถูกประเมินให้ไม่ผ่านการทดลองงาน
บริษัทมีสิทธิเลิกจ้างและไม่คืนเงินค้ำประกันการทำงาน....”
ดังนั้นหากพนักงานคนไหนไม่ผ่านการทดลองงาน บริษัทก็สามารถยึดเงินค้ำประกันการทำงานได้ตามสัญญาเพราะถือเป็นสภาพการจ้างที่ตกลงกันแล้วและเซ็นชื่อในสัญญาทั้งสองฝ่ายแล้ว
5.
บริษัทมีระเบียบเรื่องการรูดบัตรลงเวลามาทำงานอยู่ว่า
“ห้ามพนักงานรูดบัตรลงเวลาแทนกัน
หากพนักงานฝ่าฝืนจะถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงเพราะถือเป็นการทุจริต
บริษัทจะเลิกจ้างพนักงานโดยไม่จ่ายค่าชดเชยทันที....” วันหนึ่งชวนพิศฝากชวนชมให้รูดบัตรแทนในตอนเย็นเพราะชวนพิศจะต้องไปหาลูกค้านอกบริษัทในช่วงบ่ายกลับมารูดบัตรไม่ทัน
บริษัทจับได้จึงสามารถเลิกจ้างทั้งสองคนทันทีโดยไม่จ่ายค่าชดเชยเพราะถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงตามระเบียบที่บริษัทประกาศไว้แล้ว
ถือว่าบริษัทนี้ทำถูกต้องแล้วเพราะทั้งสองคนทุจริตรูดบัตรแทนกันจริง
6.
การเรียกปากเปล่าให้มาทำงานด้วยกันยังไม่ถือว่าเกิดสภาพการจ้างงาน
เพราะสภาพการจ้างจะเกิดขึ้นต่อเมื่อได้ทำสัญญาจ้างเป็นลายลักษณ์อักษรที่นายจ้างและลูกจ้างได้เซ็นสัญญากันแล้วเท่านั้น
7.
หากบริษัททำสัญญาจ้างลูกจ้างชั่วคราวโดยมีวันเริ่มสัญญาคือ
1 มิถุนายน 2559
ถึง 31 พฤษภาคม 2560 โดยมีเงื่อนไขในสัญญาว่าถ้าลูกจ้างชั่วคราวมีผลงานดีบริษัทจะพิจารณาต่อสัญญาไปอีก
1 ปี แต่ถ้าผลงานไม่ดีบริษัทจะสงวนสิทธิ์ไม่ต่อสัญญา
และจะเลิกจ้างได้โดยไม่จ่ายค่าชดเชยหรือค่าบอกกล่าวล่วงหน้าใด ๆ ซึ่งลูกจ้างชั่วคราวก็เซ็นชื่อรับทราบในสัญญานี้แล้ว เมื่อถึงวันที่ 31
พฤษภาคม 2560 หากลูกจ้างชั่วคราวรายใดผลงานไม่ดี บริษัทก็สามารถเลิกจ้างไม่ต่อสัญญาโดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
กรณีนี้ถือว่าบริษัทแห่งนี้ได้ทำถูกต้องตามสัญญาจ้างแล้ว
8.
บริษัทไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าให้กับพนักงานที่ถูกประเมินผลว่าไม่ผ่านทดลองงานและอายุงานยังไม่เกิน
120 วัน
9.
เหตุผลที่บริษัทไม่จ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าให้กับพนักงานที่ไม่ผ่านทดลองงานตามข้อ
8 คือสัญญาจ้างที่มีกำหนดระยะเวลาทดลองงานเอาไว้ว่าไม่เกิน
120 วัน ถือเป็นสัญญาจ้างที่มีระยะเวลาชัดเจนแน่นอน
10.
มานะผู้จัดการแผนกจัดซื้อไม่มีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลาเพราะบริษัทมีระเบียบว่าพนักงานที่มีตำแหน่งตั้งแต่ระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไปถือว่าเป็นระดับบริหารจะต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าพนักงานปฏิบัติการ
และมีค่าตำแหน่งแล้วจึงไม่ได้รับค่าล่วงเวลา
11.
กรณีเลิกจ้าง
นายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้าง, ค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานในวันหยุด
และค่าล่วงเวลาในวันหยุดให้ลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้างภายใน 7 วันนับแต่วันที่เลิกจ้าง
12.
ชัยชนะอายุงาน
5 ปีเศษ ๆ
ได้รับเงินเดือน 23,000 บาท และได้รับค่าวิชาชีพเดือนละ 2,000
บาท
มีผลการปฏิบัติงานตกต่ำมากไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายบริษัทจึงแจ้งเลิกจ้าง
ฐานในการคำนวณค่าชดเชยของชัยชนะคือ 23,000 บาท
เนื่องจากตามกฎหมายแรงงานให้ใช้ฐานเงินเดือนสุดท้ายมาใช้ในการคำนวณ
13.
จากข้อ
12 บริษัทก็ต้องใช้ฐานเงินเดือน
23,000 บาทมาใช้เป็นฐานในการคำนวณค่าล่วงเวลาของชัยชนะด้วยเช่นเดียวกัน
14.
นายเก่งกาจสมัครใจเข้าโครงการเกษียณก่อนกำหนดโดยบริษัทจะจ่ายค่าชดเชยให้ตามกฎหมาย
นายเก่งกาจมีอายุงาน 7 ปีเศษ ๆ
ปัจจุบันเงินเดือน ๆ ละ 25,000 บาท ได้รับค่าตำแหน่งอีกเดือนละ
5,000 บาท
ดังนั้นหากบริษัทจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานตามกฎหมายแรงงานคือค่าจ้างอัตราสุดท้าย
180 วันทำงานหรือ 6 เดือน เท่ากับ 180,000
บาท
15.
บริษัทมีระเบียบเรื่องวันหยุดพักผ่อนประจำปีว่า
หากพนักงานไม่ยื่นใบลาพักร้อนในปีใดถือว่าพนักงานสละสิทธิ์ลาพักร้อนในปีนั้นโดยไม่มีการสะสม
ลัดดามีสิทธิวันหยุดพักผ่อนประจำปี 10
วัน แต่ในปีที่ผ่านมาลัดดาไม่ได้ยื่นใบลาพักร้อนกับหัวหน้าเลย
ดังนั้นหากลัดดาจะขอให้บริษัทจ่ายเป็นเงินค่าลาพักร้อนที่ไม่ได้ใช้สิทธิในปีที่แล้ว
10 วัน บริษัทสามารถปฏิเสธการจ่ายค่าลาพักร้อนของลัดดาได้ เนื่องจากลัดดาสละสิทธิ์ดังกล่าวเองตามระเบียบการลาพักร้อนของบริษัท
16.
บริษัทมีระเบียบว่า
“สิทธิในการลาพักร้อนจะถูกยกเลิกเมื่อพนักงานยื่นใบลาออก” ดังนั้นเมื่อมณีรัตน์ยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วันตามระเบียบบริษัทและมีวันลาพักร้อนเหลืออยู่
5 วัน มณีรัตน์จะไม่สามารถใช้สิทธิ์ลาพักร้อนได้
และบริษัทก็ไม่ต้องจ่ายค่าลาพักร้อนในส่วนที่เหลืออีก 5 วันนี้ให้กับมณีรัตน์
เพราะสิทธิการลาพักร้อนถูกยกเลิกไปแล้วตามระเบียบของบริษัท
17.
ขจีนุชเป็นเลขานุการได้เงินเดือน
ๆ ละ 20,000 บาท
ได้ค่าภาษาญี่ปุ่นเพราะต้องติดต่อชาวญี่ปุ่นเดือนละ 4,000 บาท
ฐานที่บริษัทใช้ในการคำนวณค่าล่วงเวลาของขจีนุชคือ 20,000 บาท
18.
กรณีที่พนักงานมีอายุครบ
60 ปีบริบูรณ์
และจะต้องเกษียณอายุตามระเบียบของบริษัท
บริษัทไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชยตามอายุงานให้กับพนักงานที่เกษียณอายุ
19.
บริษัทจ่ายเงินเดือนโดยโอนเงินเข้าบัญชีเงินเดือนพนักงานทุกสิ้นเดือน
บริษัทต้องการจะเลิกจ้างนายยอดชายที่ทำงานไม่ดี ผลงานตกต่ำ ขาดความรับผิดชอบในงาน
ซึ่งบริษัทได้แจ้งเลิกจ้างนายยอดชายในวันที่ 2 มิถุนายน และมีผลเลิกจ้างวันที่ 3 มิถุนายน
ในกรณีนี้บริษัทจะต้องจ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าให้นายยอดชาย 1 เดือนตามกฎหมาย
20.
บริษัทไม่ต้องออกหนังสือรับรองการทำงานให้กับพนักงานที่ทุจริตลักขโมยทรัพย์สินของบริษัทที่ถูกเลิกจ้างไปแล้ว
เนื่องจากพนักงานดังกล่าวกระทำความผิดร้ายแรง
21.
นางสาวสมใจยื่นใบลาออกวันที่
10 กันยายน
ให้กับหัวหน้างาน โดยในใบลาออกระบุวันที่มีผลคือ 11 กันยายน
(วันรุ่งขึ้น) ซึ่งตามระเบียบของบริษัทระบุว่าหากพนักงานจะยื่นใบลาออกจะต้องยื่นล่วงหน้า
30 วันและต้องให้ผู้บังคับบัญชาอนุมัติเสียก่อน
มิฉะนั้นบริษัทจะถือว่าพนักงานขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร ดังนั้นเมื่อนางสาวสมใจไม่มาทำงานตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน
บริษัทจึงสามารถเลิกจ้างนางสาวสมใจด้วยสาเหตุ “ละทิ้งหน้าที่ตั้งแต่ 3 วันทำงานติดต่อกันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร” ได้ตามระเบียบ
และกรณีนี้ถือว่าไม่ใช่การลาออก
22.
หากบริษัทมีระเบียบว่า
“ถ้าพนักงานไม่ลาออกตามระเบียบของบริษัทคือยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วัน
บริษัทสามารถหักเงินเดือนงวดสุดท้ายของพนักงานที่ทำผิดระเบียบนี้ได้เพราะถือว่าพนักงานฝ่าฝืนระเบียบทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย....” จากกรณีข้อ 19
บริษัทจึงสามารถหักเงินเดือนนางสาวสมใจตั้งแต่วันที่ 1-10 กันยายนได้ตามระเบียบนี้
23.
ค่าจ้างหมายถึงเงินเดือนเพียงอย่างเดียว
ส่วนค่าตำแหน่ง, ค่าครองชีพ, ค่าวิชาชีพ, ค่าภาษา ฯลฯ
ถือเป็นเงินที่บริษัทจ่ายให้เป็นพิเศษตามคุณสมบัติที่บริษัทต้องการ
24.
หากบริษัทขึ้นเงินเดือนประจำปีให้กับพนักงานในปีนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว
ถือว่ามีสภาพการจ้างไม่เป็นคุณต่อลูกจ้างเพราะหลักของกฎหมายแรงงานคือการขึ้นเงินเดือนประจำปีของลูกจ้างจะต้องไม่ลดลงจากปีที่ผ่านมา
25.
ในสัญญาจ้างที่ระบุว่า
“หากพนักงานทดลองงานมีผลการปฏิบัติงานไม่ได้ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
บริษัทจะพิจารณาลดเงินเดือนลงได้ตามความเหมาะสมแต่ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์”
ดังนั้นหากพนักงานทดลองงานคนใดมีผลการปฏิบัติงานไม่ผ่านเกณฑ์บริษัทสามารถลดเงินเดือนได้ตามสัญญาจ้างนี้
26.
ชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาและการทำงานในวันหยุดรวมกันต้องไม่เกินสัปดาห์ละ
24 ชั่วโมง
27.
พนักงานมีสิทธิลาป่วยได้ปีละ
30 วันทำงาน
28.
หนังสือตักเตือนมีผลบังคับได้ไม่เกิน
1 ปี
นับแต่วันที่นายจ้างออกหนังสือตักเตือน
29.
ให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่
20 คนขึ้นไปจัดทำข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
และทะเบียนลูกจ้าง
30.
ลูกจ้างมีสิทธิลาทำหมันได้ตามกฎหมาย
เอาล่ะครับทดสอบความรู้กันเบา ๆ สัก 30 ข้อมีข้อไหนที่ท่านกาถูก หรือกาผิดบ้างครับ
?
สำหรับเฉลยในคำถามข้างต้นก็คือ....
ถ้าท่านใดกาผิดมาตั้งแต่ข้อ 1 จนถึงข้อ 29 และกาถูกอยู่ข้อเดียวคือข้อ 30 ก็นับได้ว่าท่านมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานอยู่ในเกณฑ์ดีเลยดีเดียวครับ
ถ้าใครยังสงสัยในข้อไหนข้างต้นก็ Inbox มาถามได้ที่ tamrongsakk@yahoo.com นะครับ
ปล.ผมเสนอแนะให้ HR ของแต่ละบริษัทลองเอาแบบสอบถามนี้ให้ MD และผู้บริหารในบริษัทของท่านทำดูด้วยนะครับว่าผู้บริหารจะตอบได้ถูกต้องแค่ไหนเพื่อจะได้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ตรงกันและเห็นความสำคัญของกฎหมายแรงงานด้วยครับ
………………………………………