หลายคนคงจะเคยเจอปัญหาที่เมื่อรับพนักงานเข้ามาทำงาน
(ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่ก็มักจะกำหนดระยะเวลาทดลองงานเอาไว้ 120 วัน)
แล้วระหว่างทดลองงานพนักงานใหม่ก็ทำงานไม่เข้าตาหัวหน้างาน
เมื่อประเมินผลแล้วก็ไม่ผ่านทดลองงาน
ซึ่งบางแห่งก็อาจจะมีการต่อทดลองงานออกไปแต่ก็ยังไม่ผ่านอยู่ดี
จะทำยังไงดี ?
โดยทั่วไปการแจ้งไม่ผ่านทดลองงาน
(หรือผ่านทดลองงาน) จะต้องเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของหัวหน้างานนะครับ
ไม่ใช่ไปโบ้ยให้ฝ่าย HR
เป็นคนแจ้ง !!
แต่ยังมีอีกไม่น้อยที่โยนความรับผิดชอบในการแจ้งไม่ผ่านทดลองงานไปให้
HR เป็นผู้แจ้งโดยสารพัดเหตุผลจะยกขึ้นมาอ้าง
(อย่างข้าง ๆ คู ๆ) เช่น เป็นเรื่องของคนฝ่ายบุคคลต้องรับไปสิ
หรือฝ่ายบุคคลเป็นคนกำหนดเรื่องการทดลองงานและเป็นคนทำคำสั่งบรรจุ
ดังนั้นก็ต้องเป็นคนแจ้งพนักงานเองว่าจะบรรจุหรือไม่บรรจุเป็นพนักงานประจำ ฯลฯ
ผมมักจะบอกเสมอว่าเรื่องพวกนี้
“ไม่ใช่แฟน..ทำแทนไม่ได้” หรอกครับ
ลูกน้องใครหัวหน้าก็ต้องแจ้งกันเอง
เพราะถ้าให้ HR เป็นคนแจ้งไม่ผ่านทดลองงาน
แล้วถ้าพนักงานเขาถามว่าเขาทำงานไม่ดีตรงไหน, บกพร่องตรงไหนถึงไม่ผ่านทดลองงาน ฯลฯ
แล้ว HR จะเอาเหตุผลอะไรไปตอบเขาล่ะครับ
ก็ไม่ใช่หัวหน้าโดยตรงของเขาสักหน่อย
ดังนั้น
หัวหน้าจะต้องแจ้งผลลูกน้องที่ไม่ผ่านทดลองงานด้วยตัวเองครับ
โดยให้เหตุผลประกอบด้วยว่าทำงานบกพร่องอย่างไร และทำไมถึงไม่ผ่านทดลองงาน
ซึ่งเมื่อไม่ผ่านทดลองงานหัวหน้างานก็ต้องบอกให้พนักงานเขียนใบลาออกเอาไว้ด้วยจะได้ไม่เสียบประวัติว่าถูกเลิกจ้างเพราะไม่ผ่านทดลองงาน
เพราะเวลาไปสมัครงานในที่แห่งใหม่เขาจะต้องมีสอบถามในใบสมัครงานอยู่แล้วว่าผู้สมัครงานพ้นสภาพจากที่เดิมมาด้วยเหตุใด
ถ้าจะระบุว่าถูกเลิกจ้างเพราะไม่ผ่านทดลองงาน
ก็คงจะถูกตั้งข้อสังเกตจากที่ทำงานใหม่ที่ไปสมัครงานแหง ๆ ว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า
แต่ถ้าเขียนใบลาออกก็ตอบไปว่าลาออกเองจะได้ไม่เสียประวัติและไม่ทำให้เกิดข้อสงสัยจากที่ใหม่ที่ไปสมัครงาน
แต่กรณีที่เป็นปัญหานี้ก็คือ
พนักงานทดลองงานที่ไม่ผ่านทดลองงานไม่ยอมเขียนใบลาออกน่ะสิครับเพราะเขาต้องการค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
เลยมีคำถามว่าจะทำยังไงดี ?
คำตอบก็คือ
หัวหน้างานควรจะต้องบอกเหตุผลในเรื่องข้อดี-ข้อเสียเหมือนที่ผมบอกไปแล้วข้างต้นคือ
การถูกเลิกจ้างเพราะไม่ผ่านทดลองงานมีข้อดีสำหรับพนักงานที่ไม่ผ่านทดลองงานคือได้ค่าบอกกล่าวล่วงหน้าประมาณ
1 ถึง 2 เดือน (อยู่ที่รอบการจ่ายซึ่งท่านที่อยากรู้เพิ่มเติมให้ไปที่หมวด
“กฎหมายแรงงาน” แล้วอ่านเรื่อง
“การบอกกล่าวล่วงหน้า..ต้องบอกกล่าวอย่างไรให้ถูกต้อง” ดูอีกครั้งนะครับ)
แต่ข้อเสียก็คือเมื่อไปสมัครงานที่ใหม่ก็ต้องตอบเขาตามความเป็นจริง
เพราะถ้าไปโกหกว่าลาออกจากที่เก่า (ทั้ง ๆ
ที่ความจริงถูกเลิกจ้างเพราะไม่ผ่านทดลองงาน)
ถ้าหากเขาเช็คกลับมาที่ฝ่ายบุคคลที่เก่า แล้วพบว่าให้ข้อมูลเป็นเท็จ
ที่ใหม่ก็ก็สามารถเลิกจ้างได้เนื่องจากเจตนาปกปิดข้อมูลหรือให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ
ทำให้ปฏิเสธการรับเข้าทำงานก็ได้ ซึ่งจะเสียประวัติเปล่า ๆ
แต่จากประสบการณ์ของผมแล้ว
การที่พนักงานทดลองงานไม่เขียนใบลาออกนี้มีน้อยมาก ๆ นะครับ
ถ้าคุยกันด้วยเหตุด้วยผลดี ๆ
แล้วก็ไม่มีใครอยากจะเสียประวัติเพราะแลกกับค่าบอกกล่าวล่วงหน้าหรอกครับ
แต่ถ้าบอกให้รู้แล้วยังยืนยันจะให้เลิกจ้าง
บริษัทก็ต้องทำหนังสือเลิกจ้างโดยให้เหตุผลในหนังสือเลิกจ้างว่ามีผลการปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
หรือตามหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด แล้วก็จ่ายค่าบอกกล่าวล่วงหน้าไป
ก็เท่านั้นแหละครับ !!
………………………………………….