วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นักศึกษาฝึกงาน/สหกิจศึกษา..เรื่องที่ควรจะทำให้ชัดเจน ?


                ผมเคยเขียนเรื่อง “การจ้างนักศึกษาฝึกงานให้ทำงานเหมือนพนักงานประจำแล้วจ่ายต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ ?” ไปแล้ว ซึ่งเนื้อหาโดยสรุปก็คือจากผลกระทบของการปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้ขยับขึ้นไปจากเดิม 40 เปอร์เซ็นต์โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2555 เป็นต้นไป ก็เลยทำให้มีผู้ประกอบการบางแห่งพยายามลดต้นทุนค่าจ้างลงโดยการรับนักศึกษาฝึกงาน (หรือบางแห่งก็รับเข้ามาในรูปแบบที่เรียกกันว่า “สหกิจศึกษา” หากท่านอยากทราบเรื่องนี้ให้หาคำว่า “สหกิจศึกษาต่างจากนักศึกษาฝึกงานอย่างไรในกูเกิ้ลดูนะครับ) โดยรับนักศึกษาเข้ามาในรูปของการมาฝึกงาน แต่มีลักษณะการให้ทำงานเหมือนพนักงานประจำทุกประการ, มีการให้ทำงานล่วงเวลา, บางแห่งจัดกะให้ทำงานกะดึกทดแทนพนักงานประจำที่ทำงานกะดึก ฯลฯ

เมื่อดูเจตนาแล้วก็คือมีสภาพการจ้างเหมือนกับเป็นลูกจ้างนั่นแหละครับ ซึ่งบางแห่งก็จ่าย “ค่าเบี้ยเลี้ยง” ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ บางแห่งก็อ้างว่าเป็นนักศึกษาฝึกงานแล้วก็เลยไม่จ่ายอะไรให้เลยเพราะถือว่าเป็นการฝึกงาน

            จากที่ผมยกตัวอย่างไปข้างต้นนี้ผมขอสรุปประเด็นจะพูดถึงดังนี้คือ

1.      แต่เดิมนั้นนักศึกษาฝึกงานมักจะเป็นนักศึกษาในชั้นปีสุดท้ายที่ต้องการจะเรียนรู้ว่าสภาพการทำงานในชีวิตจริงเป็นอย่างไรเพื่อจะได้ปรับตัวปรับใจเตรียมเข้าสู่โลกของการทำงานจริง หรืออาจจะเกิดจากสถาบันการศึกษามีข้อกำหนดให้นักศึกษาจะต้องฝึกงานโดยให้มีชั่วโมงการฝึกงานตามที่สถาบันกำหนด ซึ่งก็มีวัตถุประสงค์ทำนองเดียวกันกับที่บอกมานั่นแหละครับ

2.      เมื่อเป็นดังนี้ก็เลยมีการขอฝึกงานกับทางบริษัท/องค์กรต่าง ๆ โดยทางสถาบันก็จะมีหนังสือไปยังองค์กรที่ติดต่อไว้เพื่อส่งตัวนักศึกษาไปฝึกงานโดยมีระยะเวลาประมาณ 1-3 เดือน

3.      เมื่อองค์กรนั้น ๆ รับนักศึกษาเข้าไปฝึกงานก็แล้วแต่ว่าองค์กรไหนจะมีแผนการฝึกงานให้นักศึกษาฝึกงานได้เรียนรู้งานอะไรแค่ไหนซึ่งหากนักศึกษาฝึกงานคนใดไปเจอองค์กรที่เป็นแบบนี้ก็ถือว่าโชคดีที่มีโอกาสได้เรียนรู้งานอย่างที่ตั้งใจไว้ หรือบางองค์กรก็อาจจะไม่เคยมีแผนการฝึกงานอะไรเลยแต่ใช้นักศึกษาฝึกงานเป็น Xerox Manager หรือเป็น Fax Manager หรืออาจจะใช้นักศึกษาฝึกงานชงกาแฟให้หัวหน้างานบ้างก็มี (นี่จากประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมาเลยนะครับ)

4.      ระยะเวลาฝึกงานก็จะประมาณ 1 ถึง 3 เดือน ซึ่งก็มักจะเป็นช่วงปิดเทอมนั่นแหละครับ ส่วนชั่วโมงการทำงานก็ประมาณ 8 ชั่วโมงเหมือนพนักงานประจำ และวันทำงานก็ 5 ถึง 6 วันตามแต่ที่บริษัทกำหนด

5.      บางองค์กรก็จ่ายค่าฝึกงานให้โดยมักจะเรียกว่าเป็น “เบี้ยเลี้ยง” ซึ่งอาจจะจ่ายให้วันละ 50-200 บาท หรือบางแห่งก็อาจจะจ่ายให้เท่ากับค่าจ้างขั้นต่ำเลยก็มี ในขณะที่มีหลายองค์กรไม่จ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงดังกล่าวให้เพราะถือว่าเป็นการฝึกงาน เป็นประโยชน์กับตัวนักศึกษาเองเพราะได้มีโอกาสมาเรียนรู้งานที่องค์กรนั้น ๆ ซึ่งองค์กรเองก็ไม่ได้มีวัตถุประสงค์ว่าอยากจะรับเข้ามาเป็นลูกจ้าง หรือไม่ได้บอกว่าให้มาทำงานเสมือนเป็นลูกจ้าง แต่ถือว่าเป็นการให้นักศึกษาได้เรียนรู้การทำงานจากชีวิตจริงนอกห้องเรียน เมื่อเป็นอย่างนี้ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงฝึกงาน

6.      ทุกวันนี้มีระบบที่เรียกกันว่า “สหกิจศึกษา” เพิ่มขึ้นมาจากการ “ฝึกงาน” เดิมที่เคยมีมาเสียอีก และระยะเวลาการฝึกงานก็แล้วแต่จะกำหนดระหว่างองค์กรที่ต้องการจะรับนักศึกษากับสถาบันการศึกษาจะตกลงกันซึ่งไม่น้อยกว่า 1 ภาคการศึกษา และค่าตอบแทนก็ให้เป็นไปตามที่องค์กรที่รับนักศึกษาเห็นสมควร (ที่มา :  http://www.des.rmuti.ac.th/index.php/menucoopdiff)

จากที่ผมได้ยกประเด็นดังกล่าวข้างต้นได้มีการซักถาม และถกเถียงกันทั้งในวงสัมมนา หรือในสื่ออินเตอร์เน็ตในเรื่องเหล่านี้ กล่าวคือ

นักศึกษาฝึกงานถือเป็นลูกจ้างหรือไม่ ซึ่งก็จะมีผู้รู้แต่ละท่านตีความและให้ความเห็นที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าไม่ถือว่าเป็นลูกจ้างเพราะถือว่าเป็นการฝึกงาน นักศึกษาเป็นคนได้ประโยชน์ บริษัทไม่มีเจตนารับเข้ามาเป็นลูกจ้างสักหน่อย เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องจ่ายค่าจ้าง (หรือเบี้ยเลี้ยง) ให้หรอก, สวัสดิการก็ไม่ต้องให้ เช่น อาหารต้องหากินกันเอาเอง (พนักงานได้รับค่าอาหาร), หากนักศึกษาประสบอุบัติเหตุจากการฝึกงานก็ต้องออกค่ารักษาพยาบาลกันเอง เป็นต้น

แต่บางท่านก็บอกว่าถ้าคิดอย่างนั้นก็จริงอยู่หรอก แต่ดูสิบางบริษัทมีเจตนาใช้นักศึกษาเหล่านี้ทำงานเหมือนกับลูกจ้างประจำทั่วไปเลย มีการจัดให้เข้าทำงานกะดึกเช่นเข้างานสี่ทุ่มถึงหกโมงเช้า, มีการให้นักศึกษาทำงานล่วงเวลาเหมือนพนักงานทั่วไป, มีการบังคับบัญชาว่ากล่าวตักเตือนได้เหมือนพนักงานทั่วไป เมื่อดูเจตนาอย่างนี้แล้วก็น่าจะเข้าข่ายการใช้แรงงานที่มีลักษณะเป็นนายจ้างลูกจ้างกันแล้วก็ต้องมีการจ่ายค่าจ้างให้ตามค่าจ้างขั้นต่ำสิ

            ที่ผมยกปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาเพราะอยากจะให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงก็คือกระทรวงแรงงานฯ ได้พิจารณาเรื่องนี้และหาข้อสรุปในเรื่องของนักศึกษาฝึกงาน, นักศึกษาที่เป็นสหกิจศึกษา ให้มีความชัดเจน เช่น

-          การปฏิบัติลักษณะใดของนายจ้างถือเป็นการฝึกงาน และการปฏิบัติลักษณะใดถือว่าเป็นการใช้แรงงาน

-          กรณีใดบ้างที่นายจ้างจะต้องจ่ายค่าฝึกงาน (หรือเบี้ยเลี้ยง) ให้กับนักศึกษาฝึกงาน กรณีใดบ้างไม่ต้องจ่ายค่าฝึกงาน

-          ถ้านายจ้างต้องจ่ายค่าฝึกงาน (หรือค่าเบี้ยเลี้ยง) จะต้องจ่ายวันละเท่าไหร่

-          กรณีเข้าข่ายเป็นลูกจ้างนายจ้างจะต้องจ่ายสวัสดิการต่าง ๆ ให้นักศึกษาด้วยหรือไม่ เช่น ค่าเบี้ยประกันอุบัติเหตุในการทำงาน, ค่าอาหาร เป็นต้น

-          ฯลฯ

ที่ผมหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมานำเสนอก็เพราะผมเชื่อว่าทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ต่างก็มีลูกมีหลาน   หรือญาติ ๆ ที่วันหนึ่งอาจจะต้องเป็นนักศึกษาฝึกงานในองค์กรใดก็ตาม ซึ่งคิดถึงว่าถ้าเราเป็นพ่อเป็นแม่ของเด็ก ๆ เหล่านี้เราก็คงอยากให้ลูกเราได้มีโอกาสฝึกงานกับองค์กรที่ดี ได้เรียนรู้งานกับองค์กรที่ดีเพื่อเป็นประวัติในการเริ่มต้นที่ดีใน Resume เพื่อสมัครงานต่อไปภายหลังจากจบการศึกษาแล้ว

            แต่ในขณะเดียวกันเราก็คงไม่อยากให้ลูกหลานเราถูกเอารัดเอาเปรียบจากองค์กรที่ใช้แรงงานลูกหลานของเรา โดยมีเจตนาในการลดค่าใช้จ่ายด้านค่าแรงงานแบบแอบแฝงแล้วหันมาใช้แรงงานเด็กที่ยังเรียนหนังสือโดยที่เขาไม่รู้เท่าทันด้วยเช่นเดียวกันจริงไหมครับ

            งานนี้ถ้าทางกระทรวงแรงงานฯ ทำให้เกิดความชัดเจนแล้ว ผมเชื่อว่าจะเป็นอานิสงส์ที่ดีกับทุกฝ่ายเพื่อให้เกิดการปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไปครับ

..............................................