การเป็นวิทยากรที่จะประสบความสำเร็จได้ในความเห็นของผมไม่ใช่การเป็น “ผู้บรรยายที่ดี” หรือ “สอนได้ดีนะครับ”
แต่วิทยากรที่ประสบความสำเร็จควรเป็น
“นักเล่าเรื่อง” ที่ทำให้เรื่องที่เล่ามาน่าสนใจครับ
คือต้องมีความสามารถในการเล่าเรื่องให้คนฟังสนใจติดตามได้ตลอดการสอนโดยไม่ทำให้ผู้ฟังรู้สึกว่ากำลังฟังการสอน
หรือฟังการบรรยาย
แต่ผู้ฟังจะรู้สึกเหมือนกับมีเพื่อนที่เราไว้วางใจกำลังเล่าเรื่องที่น่าสนใจ
หรือเราอาจจะไม่สนใจในตอนแรกแต่พอฟังเรื่องที่เล่าไปแล้วก็เกิดความสนใจอยากติดตามต่อไปเรื่อย
ๆ ครับ
เพราะอะไรผมถึงคิดอย่างนี้
เพราะวิทยากรจะต้องให้ความรู้กับ
“คนทำงาน” ไม่ใช่ “นักเรียน” น่ะสิครับ
“คนทำงาน” คือคนที่อยู่ในวัยทำงาน
มีความรู้และประสบการณ์ในงานรวมถึงมีการใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่ที่จะต้องมีภาระความรับผิดชอบ
ความรู้สึกนึกคิด ฯลฯ แบบผู้ใหญ่
จะแตกต่างจากคนวัย “นักเรียน” หรือ
“นักศึกษา” ที่เรียนหนังสือเป็นหลัก ยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากนัก
ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานหรือถ้ามีก็น้อยมาก
ดังนั้นถ้าวิทยากรใช้วิธีการสอนหรือบรรยายตามเนื้อหาเป็นหลักตั้งแต่เช้ายันเย็นเหมือนกับการสอนนักเรียนนักศึกษาแล้ว
ก็จะทำให้ผู้ฟังเบื่อหน่าย หรืองีบหลับ
หรือนั่งเล่นโซเชียลเล่นเกมในโทรศัพท์เสียเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น
การเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้ให้กับคนวัยทำงานจึงควรจะหาเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งจากเรื่องที่ตรงกับเนื้อหาโดยตรง
และบวกด้วยประสบการณ์ที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่สอนมาเล่าให้ผู้เข้าอบรมได้มีความรู้ใหม่
ๆ หรือเล่าเรื่องเพื่อเปิดมุมมองความคิดใหม่ ๆ
ซึ่งอาจจะใช้วิธีการถาม-ตอบ, การใช้สื่อวิดีโอ,
การยกกรณีศึกษาที่น่าสนใจจากประสบการณ์ของวิทยากรหรือผู้เข้าอบรม,
การทำกิจกรรมกลุ่ม ฯลฯ ประกอบการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ
ที่น่าสนใจเหล่านี้ให้ผู้เข้าอบรมฟังอย่างเหมาะเจาะ ไหลลื่น และต่อเนื่อง
จะทำให้ผู้ฟังเกิดความสนใจและจะดีกว่าการสอนแบบบรรยายไปเรื่อย
ๆ อย่างแน่นอน
จึงอยากจะสรุปว่าวิทยากรที่ดีควรจะเป็นนักเล่าเรื่องมากกว่าการเป็นผู้สอนแบบบรรยายไปเรื่อย
ๆ ตามเนื้อหาครับ
...........................