พนักงานบัญชีเดินมาบอกกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีว่าจะขอลาออก (เช่นมาบอกว่าจะลาออกวันที่ 1 กันยายน โดยระบุวันที่มีผลจะลาออกคือวันที่ 1 ตุลาคม) คือบอกล่วงหน้า 30 วันตามระเบียบบริษัทนั่นแหละครับ เพียงแต่พนักงานไม่ได้ยื่นใบลาออก
ผู้จัดการฝ่ายก็แจ้งมาที่ฝ่าย
HR ให้เตรียมหาคนมาทำงานแทน
ทาง HR เองก็ไม่ได้ทวงถามใบลาออกจากหัวหน้าของพนักงานคนนี้แต่รีบไปหาคนมาทำงานแทนพนักงานที่จะลาออก
ปัญหามาเกิดตรงที่พอรับพนักงานเข้ามาทดแทนได้
พนักงานกลับมาบอกผู้จัดการฝ่ายบัญชีว่าเปลี่ยนใจไม่ลาออกแล้ว
ก็เลยเกิดคำถามว่าอย่างงี้ก็ได้เหรอ..ตกลงบริษัทจะทำยังไงกับพนักงานคนนี้ดี
?
จะถือว่าเป็นการลาออก หรือจะถือเป็นการเลิกจ้างถ้าบริษัทจะไม่ให้พนักงานคนนี้มาทำงานจะต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าหรือไม่
เพราะไม่มีใบลาออกเป็นหลักฐาน ?
เรื่องนี้อธิบายได้อย่างนี้ครับ
1.
การลาออกถือเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาจ้างจากฝั่งลูกจ้าง
ซี่งกฎหมายแรงงานก็ไม่ได้กำหนดไว้ว่าจะต้องยื่นเป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น เพราะเคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่
ฎ.5681-5684/2555
บอกไว้ว่า
“....ส่วนการเลิกสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลา ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. ๒๕๔๑ มาตรา ๑๗ วรรคสอง ก็มิได้ห้ามเด็ดขาดมิให้นายจ้างหรือลูกจ้างบอกเลิกสัญญาจ้างด้วยวาจา
นายจ้างหรือลูกจ้างจึงบอกกล่าวเป็นหนังสือหรือด้วยวาจาก็ได้
ส่วนการลาออกที่มิได้บอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือก็ดี หรือมิได้ยื่นใบลาออกต่อผู้มีอำนาจของจำเลยล่วงหน้าและได้รับอนุมัติจากต้นสังกัด ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยก็ดี
ถือเป็นเรื่องการแสดงเจตนาลาออกหรือเลิกสัญญาจ้างที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๑๗ และข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของจำเลยก็ถือได้เพียงว่า ลูกจ้างปฏิบัติผิดหน้าที่ตามที่กฎหมายและข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานกำหนดเท่านั้น
ซึ่งหากการกระทำดังกล่าวก็เกิดความเสียหายแก่นายจ้าง นายจ้างย่อมใช้สิทธิทางศาลต่างหาก หาทำให้การแสดงเจตนาลาออกของโจทก์ที่ ๒ เสียไปไม่
ดังนั้น การที่โจทก์ที่ ๒ แสดงเจตนาขอลาออกด้วยวาจาต่อนายจ้างย่อมมีผลทำให้สัญญาจ้างสิ้นสุดลง”
2. สรุปคำพิพากษาศาลฎีกาตามข้อ
1 ได้ว่าการบอกลาออกด้วยวาจา (หรือปากเปล่า)
มีผลได้เช่นเดียวกับการเขียนใบลาออกครับ
แต่..ปัญหาของบริษัทที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้นมีอยู่ว่าตอนที่พนักงานไปบอกลาออกกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีน่ะคงต้องไปดูข้อเท็จจริงกันต่อว่ามีพยานรู้เห็นยืนยันได้ว่าพนักงานคนนี้มาบอกลาออกกับผู้จัดการฝ่ายบัญชีจริงหรือไม่
เพราะบริบทข้อเท็จจริงเหล่านี้ถ้าหากมีปัญหาฟ้องร้องกันก็คงต้องนำไปสู่ศาล
ซึ่งสุดท้ายเรื่องนี้จะถือว่าเป็นการลาออกหรือถูกเลิกจ้างก็อยู่ที่ศาลท่านจะตัดสิน
ที่เขียนมานี้ผมแค่อยากจะแชร์ให้ทั้ง HR และ Line Manager ทราบว่าปัญหาทำนองนี้จะไม่เกิดขึ้น
และไม่เป็นคดีไปถึงศาลเลย ถ้าเพียงแต่ HR ของบริษัทนี้ไม่ Over
React เร็วจนเกินไป
รวมถึงต้องให้ความรู้กับ Line
Manager ด้วยว่า ถ้าพนักงานมาบอกว่าจะลาออกแล้วไม่ยื่นใบลาออก
ก็ให้ผู้บังคับบัญชาบอกให้พนักงานนำใบลาออกมายื่นให้ด้วย หรือ HR ก็ควรจะช่วยตามเรื่องใบลาออกจากตัวพนักงานด้วยก็ได้
แม้จะมีคำพิพาษาศาลฎีกาจะบอกไว้ว่าการลาออกไม่จำเป็นต้องยื่นใบลาออกเป็นหนังสือ
จะบอกลาออกด้วยปากเปล่าก็ได้
แต่การที่มีหลักฐานชัดเจนเช่นใบลาออกก็ย่อมจะดีกว่าการพูดปากเปล่า
แถมยังป้องกันปัญหาดราม่าในอนาคตอีกด้วยจริงไหมครับ ?