ก่อนหน้านี้ผมเขียนเรื่องที่บริษัทต้องจ่ายค่าชดเชยให้กับพนักงานในกรณีที่แจ้งเลิกจ้างเพราะปิดกิจการไปแล้ว ก็มีเรื่องเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติมเผื่อว่าจะเป็นข้อคิดเตือนใจสำหรับคนที่เป็นพนักงานให้ตัดสินใจในเรื่องนี้ให้ดีเสียก่อน
เคยมีเจ้าของกิจการถามผม
(แบบมีวาระแอบแฝง) ว่า “ถ้าบริษัทประสบปัญหาขาดทุน
บริษัทจะลดเงินเดือนพนักงานลงได้ไหม ?”
ผมเชื่อว่าคนที่เป็น
HR
ทุกคนก็ตอบคำถามนี้ได้นะครับว่าโดยหลักการแล้วนายจ้างจะเปลี่ยนสภาพการจ้างที่เป็นคุณแก่ลูกจ้างให้กลายเป็นโทษ
(เช่นการลดเงินเดือนลง) ไม่ได้
แต่....(ตรงคำว่าแต่..นี่แหละครับ)
ถ้าลูกจ้างยินยอมโดยทำสัญญายินยอมลดเงินเดือนลงก็สามารถทำได้
(แต่การลดค่าจ้างนั้นต้องไม่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ) ถ้าใครไม่ยินยอมเซ็นสัญญาก็ไม่มีผลกับคนนั้นนะครับ
พอตอบไปแบบนี้เจ้าของบริษัทแห่งนั้นก็เผลอหลุดออกมาว่าเขาคิดว่าพอหลังจากขอลดเงินเดือนแล้วอีกสัก
3
ถึง 6 เดือนก็คิดว่าจะปิดบริษัท
นี่แหละครับคือเป้าหมายที่แท้จริงของผู้บริหารบางคนที่ขาดความคิดแบบ
“ใจเขา-ใจเรา”
คือเวลาไปบอกกับพนักงานขอความร่วมมือลดเงินเดือนลงก็ใช้เหตุผลว่าช่วยกันเพื่อให้บริษัทอยู่รอด
แต่เรื่องจริง (ในใจ) ของกรรมการผู้จัดการคือต้องการจะลดค่าใช้จ่ายเรื่องค่าชดเชยตามกฎหมายลง
เพราะฐานในการคำนวณค่าชดเชยตามอายุงานตามมาตรา
118
ของกฎหมายแรงงานบอกไว้ชัดเจนว่าให้ใช้ค่าจ้างอัตราสุดท้าย !
กฎหมายแรงงานไม่มีคำว่า
“เงินเดือน” นะครับ มีแต่คำว่า “ค่าจ้าง” เพราะเงินเดือนคือ “ค่าจ้าง”
แต่ค่าจ้างไม่ได้มีเฉพาะเงินเดือน
ถ้าบริษัทไหนมีการจ่ายเงินอื่นที่เข้าข่ายค่าจ้าง เช่น ค่าครองชีพที่จ่ายเป็นประจำเท่ากันทุกเดือน,
ค่าตำแหน่ง, ค่าภาษา, ค่าวิชาชีพ ฯลฯ ต้องนำมารวมกับเงินเดือนเพื่อเป็นฐานในการคำนวณค่าชดเชยด้วยนะครับ
ผมยกตัวอย่างเช่น สมมุตินาย A และนาย B ได้รับเงินเดือนปัจจุบันเท่ากันคือเดือนละ 20,000 บาท
ทั้งสองคนนี้เข้าทำงานกับบริษัทพร้อมกัน ตอนนี้อายุงาน 4 ปี
อยู่มาวันหนึ่งฝ่ายบริหารก็ขอความร่วมมือพนักงานช่วยลดเงินเดือนลง
10%
โดยให้เหตุผลว่าเพื่อให้บริษัทอยู่รอดฝ่ายพ้นวิกฤตไปด้วยกันในยามยากลำบากนี้
สมมุติว่านาย
A
เซ็นยินยอมลดเงินเดือนลง 10% นาย A ก็จะได้รับเงินเดือน 18,000 บาท
ส่วนนาย
B
ไม่เซ็นยินยอม นาย B ก็ยังได้รับเงินเดือน 20,000
บาทเท่าเดิม
หลังจากลดเงินเดือนไปได้
6
เดือนบริษัทแจ้งเลิกจ้างพนักงานทั้งบริษัทเพราะปิดกิจการ
นาย
A
และนาย B ก็จะได้รับค่าชดเชยตามอายุงาน (ม.118)
คืออายุงาน 3 ปีไม่เกิน 6 ปี จะได้รับค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้าย 180 วันตามนี้
นาย A ก็จะได้รับค่าชดเชย 18,000
หาร 30 = 600 บาทต่อวัน =
600x180 = 108,000 บาท
นาย
B
ก็จะได้รับค่าชดเชย 20,000 หาร 30 = 666.67 บาทต่อวัน = 666.67x180 = 120,000 บาท
เรื่องนี้จึงเป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่จะต้องตัดสินใจว่าควรจะลดเงินเดือนดีหรือไม่
ถ้าที่ผ่านมาทั้งฝ่ายบริหารและพนักงานก็มีความร่วมมือร่วมใจปฏิบัติต่อกันด้วยดีเสมอมา
แล้วในยามที่บริษัทมีปัญหาต้องการขอความร่วมมือร่วมใจจากพนักงานเพื่อช่วยกับประคับประคองให้บริษัทฝ่าฟันวิกฤตต่อไปได้
ผมว่าก็เป็นเรื่องที่ควรจะทำ แล้วเมื่อบริษัทมีสถานะที่ดีขึ้นผมก็เคยเจอว่าผู้บริหารก็ปรับเงินเดือนคืนกลับมาให้พนักงานที่มีน้ำใจให้กับบริษัทในยามยากก็มีนะครับ
แต่ถ้าเจอบริษัทที่มีผู้บริหารมีวาระแอบแฝงอย่างที่เล่ามาให้ฟังข้างต้นก็คงขึ้นอยู่กับคนที่เป็นพนักงานต้องประเมินสถานการณ์ดูแล้วล่ะครับว่าควรจะร่วมมือดีหรือไม่
เป็นกำลังใจให้ทั้งบริษัทและพนักงานฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกันนะครับ