อาจจะด้วยอาชีพของผมที่เป็นที่ปรึกษาและต้องตอบคำถามของผู้คนซึ่งบางครั้งก็มีคำถามทางโทรศัพท์บ้างอีเมล์มาบ้างซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ
ถ้าเป็นการตอบคำถามในห้องอบรมหรือการการพูดคุยเห็นหน้าเห็นตากันแบบ
Face
to Face ก็คงไม่มีปัญหาที่จะคุยกันในวันนี้หรอกครับเพราะพอจะรู้ว่าคนถามคิดยังไงต้องการอะไรจากสีหน้าและแววตา
ยังพอจะซักไซ้ไล่เรียงเรื่องราวที่ยังสงสัยเพิ่มเติมกันได้
เรื่องที่จะเอามาแชร์กันเป็นอุทาหรณ์เตือนใจในวันนี้ก็คือคำถามนี่แหละ
ลองอ่านตัวอย่างคำถามนี้ที่ส่งมาให้ทางอีเมล์ดูสิครับ....
“ตอนนี้หนูเป็นพนักงานชั่วคราวตามสัญญาจ้างคราวละ
1
ปี หนูทำงานที่บริษัทนี้มาได้ 3 ปีเศษแล้ว
ทางบริษัทแจ้งว่าจะบรรจุหนูเป็นพนักงานประจำ
หนูควรจะต่อรองเงินเดือนและสวัสดิการยังไงดีคะ หนูควรจะเรียกเงินเดือนประมาณเท่าไหร่
และหนูจะได้สิทธิอะไรบ้าง จะได้สวัสดิการเรื่องกองทุนฯไหม....ฯลฯ”
มีใครที่ตอบคำถามนี้ได้บ้างไหมเอ่ย
?
เราจะหวังคำตอบที่มีคุณภาพจากคำถามที่ไม่มีคุณภาพได้ยังไงล่ะครับ
เพราะองค์ประกอบสำคัญของคำถามที่มีคุณภาพก็คือ “ข้อมูล”
วันนี้เป็นโลกของข้อมูลใครที่มีข้อมูลที่สมบูรณ์
ครบถ้วน ถูกต้องก็จะได้เปรียบเสมอในการแก้ปัญหาและตัดสินใจ
จากคำถามข้างต้นถามว่าต้องการข้อมูลอะไรประกอบบ้างล่ะ....เช่น
1.
เงินเดือนปัจจุบันของผู้ถามตอนที่เป็นพนักงานชั่วคราวเท่าไหร่
บริษัทแจ้งไหมว่าถ้าบรรจุเป็นพนักงานประจำจะสตาร์ทที่เท่าไหร่
ระเบียบเกี่ยวกับการบรรจุเป็นพนักงานประจำมีไหม เขียนไว้ว่าไง
2.
บริษัทมีระเบียบเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์สวัสดิการบ้างหรือไม่,
ระเบียบเขียนไว้ยังไงบ้าง สวัสดิการของตำแหน่งงานนี้มีอะไรบ้าง
3.
บริษัทนี้มีการจ่ายเงินประเภทอื่นที่นอกเหนือจากเงินเดือนอีกหรือไม่
เช่น เบี้ยขยัน, ค่าครองชีพ ฯลฯ
4.
บริษัทนี้มีการจ่ายโบนัสหรือไม่
โบนัสจ่ายตามผลงานหรือเป็นแบบคงที่เฉลี่ยจ่ายปีละกี่เดือน
หรือนอกจากนี้ยังมีข้อมูลอะไรที่จะบอกผมให้ผมรู้เพิ่มเติมอีกบ้างหรือไม่
?
เพราะถ้าจะให้ผมตอบคำถามข้างต้นโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลยก็คงไม่ต่างกับการนั่งเทียนตอบแบบจิตสัมผัสแหละ
และถ้าตอบแบบจิตสัมผัสโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลยอย่างงี้จะมีประโยชน์อะไรกับคนถามล่ะครับ
?
หรือไม่งั้นผมว่าไปถามคำถามนี้กับทาง HR ของบริษัทผู้ถามจะดีกว่าไหม
แทนที่จะมาถามคนนอกบริษัทซึ่งเขาไม่ได้มีข้อมูลภายในของบริษัท
?
นี่ยังไม่รวมคำถามที่มาบ่อยๆ
ประเภทที่ว่า....
“บริษัทไม่ให้ผ่านทดลองงานจะทำอะไรได้บ้าง
จะต้องไปฟ้องที่ไหน”
แต่พอถามไปถามมาปรากฎว่าคนถามก็ยอมรับว่าตัวเองมีพฤติกรรมขาดงานบ่อยในช่วงทดลองงาน
แต่อ้างว่าสุขภาพไม่ดีบ้างแหละ, มีปัญหาทางบ้านบ้างแหละ เลยทำให้ต้องหยุดบ่อย
ทางหัวหน้าเขาก็เลยแจ้งไม่ผ่านทดลองงานและให้เขียนใบลาออก
พอไม่ยอมเขียนใบลาออกก็เลยถูกเลิกจ้าง เป็นต้น
นี่ถึงเป็นปัญหาของที่ปรึกษาหรือคนต้องตอบคำถามที่มักจะเจออยู่เสมอ ๆ คือคนถามจะให้ข้อมูลด้านดีของตัวเองเพียงด้านเดียว หรือไม่งั้นก็บอกข้อมูลมาไม่หมดทั้งแบบจงใจและไม่จงใจ
ปัญหาแบบนี้จะเจอได้บ่อยบนกระทู้ออนไลน์ตามหน้าเว็บหน้าเพจต่าง
ๆ แล้วก็จะมีคนที่ไม่ซักถามรายละเอียดให้ชัดเจนจากคนตั้งคำถามให้ดีเสียก่อน
ไปตอบเข้าข้างคนถามที่ให้ข้อมูลแค่ครึ่งเดียว
แถมไปด่าฝ่ายตรงข้ามคนถามจนเกิดดราม่าทัวร์ลงก็มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
นี่แหละครับเรื่องที่ต้องระวังสำหรับคำถามที่ให้ข้อมูลไม่หมด