เรื่องนี้เป็นเรื่องพื้นฐานด้านกฎหมายแรงงานสำคัญที่หลายบริษัทไม่ทราบ
แถม HR ในบริษัทนี้ก็ไม่ทราบว่าถ้าบริษัทต้องการจะเลิกจ้างพนักงานจะต้องระบุเหตุผลในการเลิกจ้างเอาไว้ในหนังสือเลิกจ้างด้วยตามมาตรา
17 ของกฎหมายแรงงาน
ม.17 วรรคสาม
“....ในกรณีที่นายจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจ้าง
ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายจ้างจะยกเหตุตามมาตรา 119 ขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้....”
เคยมีหลายเคสที่หนังสือเลิกจ้างบอกแต่เพียงว่าบริษัทจะเลิกจ้างพนักงานเพราะ
“ขาดความไว้วางใจ” แต่เหตุผลที่ระบุว่าขาดความไว้วางใจน่ะ มันกว้างมาก
ลองคิดดูสิครับว่าถ้าเป็นคนนอกบริษัทมาอ่านข้อความในหนังสือเลิกจ้างนี้แล้วจะรู้ไหมล่ะครับว่าบริษัทเลิกจ้างพนักงานรายนี้เพราะเหตุใด
ทำไมถึงขาดความไว้วางใจ ?
เมื่อระบุสาเหตุแบบกว้างมาก
ๆ อย่างนี้พอพนักงานไปฟ้องศาลแรงงาน ศาลท่านก็ต้องขอหนังสือเลิกจ้างไปอ่าน
ก็ต้องมีคำถามเหมือนที่ผมบอกไปข้างต้นแหละครับ
ดังนั้น
ถ้าไม่ระบุสาเหตุการเลิกจ้างให้ชัดเจนในหนังสือเลิกจ้าง ยิ่งถ้าหากเป็นการเลิกจ้างเพราะพนักงานทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา
119 ซึ่งบริษัทไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้า
แต่บริษัทไม่ได้ระบุสาเหตุการเลิกจ้างให้ชัดเจนในหนังสือเลิกจ้าง โอกาสที่บริษัทจะแพ้คดีและต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าแหละครับ
เพราะตามมาตรา 17 ก็บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าถ้านายจ้างไม่ระบุเหตุผลในการเลิกจ้างในหนังสือเลิกจ้าง
แล้วจะมาอ้างภายหลัง (แม้เป็นข้อเท็จจริง) ก็จะนำมาอ้างไม่ได้แล้วล่ะครับ
ลองดูคำพิพากษาศาลฎีกานี้เป็นตัวอย่างสิครับ
ฎ.5410/2544
“...เมื่อหนังสือเลิกจ้างมิได้ระบุเหตุตามมาตรา
119 ไว้
การที่นายจ้างยกข้อต่อสู้ในคำให้การว่าไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีเนื่องจากลูกจ้างหมิ่นประมาทนายจ้างอันเป็นการกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้างจึงเป็นการยกเหตุตามมาตรา119
(1) ขึ้นอ้างในภายหลัง ต้องห้าม
ตามมาตรา 17 วรรคสาม....”
เพราะฉะนั้น
HR มืออาชีพจะต้องไม่ลืมระบุเหตุผลในการเลิกจ้างเอาไว้ในหนังสือเลิกจ้างทุกครั้งนะครับ
...............................