วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2564

ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนให้ลาป่วยหรือลากิจ เกิน 3 วันต้องมีใบรับรองแพทย์ไหม

             ช่วงนี้ก็เป็นช่วงที่รัฐบาลเริ่มให้คนที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ทะยอยเข้ารับการฉีดกันแล้วนะครับ ผมก็ไปรับการฉีดวัคซีนมาแล้วเช่นเดียวกันและเชื่อว่าผู้อ่านหลาย ๆ ท่านก็ไปรับการฉีดวัคซีนกันบ้างแล้ว

            เมื่อได้รับวัคซีน แต่ละคนก็จะมีการสนองตอบกับวัคซีนที่แตกต่างกันไปจากน้อยไปหามาก บางคนก็อาจจะแทบไม่มีอาการอะไรเลย บางคนก็อาจจะปวดหัว ปวดเมื่อยเนื้อตัว หนาวสั่น ฯลฯ แล้วอาการเหล่านี้ก็มักจะดีขึ้นภายในสองถึงสามวันหลังจากการฉีดวัคซีน

            ปัญหาที่เราจะพูดกันวันนี้ก็คือเรื่องการลาของพนักงานที่เกิดจากผลข้างเคียงของการฉัดวัคซีนนี่แหละครับ

            มีคำถามอยู่ 2 ข้อคือ

1.      ถ้าพนักงานลาในกรณีนี้ควรให้เป็นลาป่วยหรือลากิจ เพราะไม่ใช่เป็นการเจ็บป่วยตามปกติ

2.      ในกรณีที่พนักงานมีอาการเยอะกว่าปกติแล้วลาเกิน 3 วัน แต่พักอยู่ที่บ้านแล้วไม่ได้ไปหาหมอแต่พนักงานกินยาพาราเซ็ตตามอลลดไข้เอาเอง จะทำยังไงเพราะพนักงานไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดง

ผมก็ขอตอบจากความเห็นส่วนตัวของผมอย่างนี้ครับ

1.      ผมเห็นว่าควรถือเป็นการลาป่วย เพราะเป็นผลข้างเคียงมาจากการฉีดวัคซีนแม้จะไม่ใช่เป็นการเจ็บป่วยตามปกติทั่วไปก็ตาม แต่อาการดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นอาการป่วยครับ เพราะถ้าจะให้พนักงานลากิจยิ่งจะทำให้ไม่สมเหตุสมผลเนื่องจากการลากิจควรจะเป็นเรื่องของการไปทำกิจธุระส่วนตัวที่จำเป็นที่ไม่สามารถมอบหมายให้ใครไปทำแทนได้ เช่น ลากิจเพื่อไปแต่งงาน, ลาบวช, ลาไปซื้อขายโอนที่ดินของพนักงาน เป็นต้น

2.      ในกรณีพนักงานบางคนที่อาจจะมีอาการข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนมากกว่าคนอื่น ๆ แล้วจำเป็นต้องลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไปแล้วไม่ได้ไปหาหมอ โดยพักผ่อนอยู่ที่บ้านหากเป็นเช่นนั้นจริง บริษัทก็ควรอนุญาตให้ลาป่วยโดยไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์มาแสดงก็ได้

เพราะพนักงานไม่ได้ไปหาหมอเนื่องจากอาการดังกล่าวมีมากบ้างน้อยบ้าง ซึ่งคนที่จะมีอาการมาก ๆ จนต้องหยุดเกิน 3 วันไม่น่าจะมีมาก ซึ่งถ้าพนักงานลาป่วยตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป หัวหน้าก็อาจจะไปเยี่ยมลูกน้องเพื่อดูว่ามีอาการมาก-น้อยแค่ไหนก็ได้นะครับ

จากกรณีดังกล่าวผมก็หวังว่าคงไม่มีผู้บริหารบริษัทไหนจะมาเอาเป็นเอาตายกับใบรับรองแพทย์ในกรณีนี้นะครับ เพราะคุณหมอหลาย ๆ ท่านก็ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ว่าโดยทั่วไปอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ หายไปในเวลาประมาณ 2-3 วัน

นอกจากคนที่มีอาการข้างเคียงหนักมาก ๆ (ซึ่งคุณหมอบอกว่ามีน้อยมากๆ ที่จะมีอาการหนัก) ถึงกับแอดมิตเข้าโรงพยาบาล นอกนั้นก็นอนพักอยู่บ้านสักระยะก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเองมาทำงานได้ตามปกติ

ผมก็เลยสรุปว่ากรณีดังกล่าวให้ดูตามข้อเท็จจริงและปฏิบัติกับพนักงานแบบใจเขา-ใจเราโดยไม่มองพนักงานในแง่ร้ายให้มากจนเกินไปแบบจ้องจับผิดว่าพนักงานจ้องจะหยุดกินเปล่าแบบเอาเปรียบบริษัท

ในขณะที่พนักงานที่ดีก็ไม่ควรอาศัยจังหวะนี้ทำมั่วนิ่มลาป่วยเอาเปรียบบริษัท ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้มีอาการข้างเคียงมากจนถึงขนาดต้องหยุดงาน

ผมเชื่อว่าในองค์กรที่เข้มแข็ง หรือ Healthy Organization และมีปัญหาด้านแรงงานสัมพันธ์น้อยไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องที่เราคุยกันในวันนี้

แต่ถ้าองค์กรไหนเป็น “องค์กรเป็นพิษ” หรือ Unhealthy Organization ก็เชื่อได้ว่าเรื่องทำนองนี้จะกลายเป็นดราม่าระหว่างพนักงานกับผู้บริหารหรือกับ HR ได้เสมอ

ก็เลยปิดท้ายเรื่องนี้ด้วยคำถามว่า....

วันนี้องค์กรของท่านอยู่ในประเภทไหนครับ?

                             ...................................