มีคำถามอยู่ว่า “ที่ทำงานปัจจุบันให้ 24,000 บาท สมัครงานที่ใหม่ให้ 35,000 บาท เมื่อยื่นใบลาออกหัวหน้าในที่ปัจจุบันเรียกคุย และบอกจะปรับให้เท่ากับที่ใหม่ ควรจะทำอย่างไรดี”
ทำงานที่ปัจจุบันมา 8 ปี เงินเดือนเริ่มต้นตั้งแต่ 16,000 บาท ผมคิดให้ท่านได้รับการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 5 เปอร์เซ็นต์
ปัจจุบันท่านก็ควรจะได้รับเงินเดือนประมาณ 23,639 บาท
แต่ถ้าสมมุติได้ขึ้นเงินเดือนปีละ 10 เปอร์เซ็นต์ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด
ปัจจุบันก็จะมีเงินเดือนโดยประมาณ 34,297 บาท
แต่ปัจจุบันท่านได้รับเงินเดือน ๆ ละ 24,000 บาท จากข้อมูลที่บอกมาผมจึงคาดว่าท่านคงมีผลการปฏิบัติงาน
(ในสายตาของหัวหน้า) อยู่ในระดับปานกลาง
ถามว่าทำไมผมถึงทราบ..ก็เพราะอัตราขึ้นเงินเดือนประจำปีโดยเฉลี่ยย้อนหลังนับจากปี
2543
เป็นต้นมาจากผลการสำรวจของค่ายต่าง ๆ จะอยู่ที่ปีละประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์
ถ้าใครผลงานดีก็จะได้ขึ้นเงินเดือนมากกว่าค่าเฉลี่ยนี้
และถ้าใครได้ขึ้นเงินเดือนน้อยกว่า 5
เปอร์เซ็นต์ก็แสดงว่าผลงานน่าจะต่ำกว่ามาตรฐาน
ถ้ามีผลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานก็น่าจะได้รับเงินเดือนอยู่ประมาณ
23,639 บาท ซึ่งเงินเดือนปัจจุบันคือ 24,000 บาทก็ถือว่าได้รับประมาณค่าเฉลี่ยของตลาด
คราวนี้เมื่อท่านไปสมัครงาน
แล้วที่ใหม่เขาเสนอให้ 35,000 บาท
ก็เท่ากับจะได้ปรับเงินเดือนขึ้นมาประมาณ 45.8 เปอร์เซ็นต์
แถมเมื่อมายื่นใบลาออกหัวหน้าก็บอกว่าจะปรับให้เท่าที่ใหม่ (คือ 35,000 บาท) ก็เลยลังเล?!?
ข้อสังเกตของผมก็คือ
1.
ด้วยผลการทำงานของท่านหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อเปรียบเทียบกับเงินเดือนที่ได้รับ
ปัจจุบันก็ยังถือว่าสมเหตุสมผล
บริษัทไม่ได้เอาเปรียบกดเงินเดือนมากจนเกินไปนัก
2.
ที่ใหม่ให้สูงกว่าที่ได้รับปัจจุบันประมาณ 45.8
เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องปกติซึ่งเขาก็ต้อง
ให้เงินเดือนสูงกว่าเดิม
เพราะถ้าไม่งั้นจะดึงคนมาทำงานได้ยังไงล่ะ แต่แน่นอนว่าที่ทำงานใหม่ก็จะต้องคาดหวังว่าท่านจะต้องทำงานให้เขาเต็มที่ได้อย่างที่เขาต้องการ
เช่น อาจจะมี KPIs
(Key Performance Indicators) กำหนดว่าจะต้องทำอะไรเมื่อไหร่
เป้าหมายเป็นอย่างไร เป็นต้น
3.
ที่ทำงานปัจจุบันอาจจะขาดหลักในการบริหารค่าตอบแทนให้สัมพันธ์กับผลการ
ปฏิบัติงาน
ก็เลยทำให้แลดูไม่เป็นมืออาชีพ กล่าวคือถ้าพนักงานมีผลงานดี มีศักยภาพ ก็ควรจะ “ให้”
ก่อนที่พนักงานจะไปคิดหางานใหม่ นั่นคือบริษัทควรมีการปรับเงินเดือน
(ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นเงินเดือนประจำปีตามผลการปฏิบัติงาน)
หรือปรับเงินเดือนกรณีพิเศษตามผลงานหรือการเลื่อนตำแหน่งและปรับเงินเดือนให้อย่างเหมาะสมกับผลงานและความสามารถของพนักงาน
แต่นี่กลับมา “ให้” หลังจากที่พนักงานมายื่นใบลาออกซึ่งก็ทำให้พนักงานคิดได้ว่า
แล้วที่ผ่านมาคุณกดเงินเดือนฉันไว้ทำไม ก็ทำให้เสียความรู้สึกไม่น้อย
นี่เป็นตัวอย่างของการวิธีบริหารจัดการในเรื่องค่าตอบแทนอย่างไม่เหมาะสม
ที่เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้องค์กรต้องเสียคนดีมีฝีมือไปเสียก่อนแล้วค่อยมาคิดหาวิธีป้องกันเข้าทำนองวัวหายล้อมคอก
หรือเสียน้อยเสียยาก..เสียมากเสียง่ายครับ
4. หัวหน้าของท่านในที่ทำงานปัจจุบันมีพฤติกรรมเป็นอย่างไร, สัมพันธภาพระหว่างท่านกับหัวหน้ายังอยู่ในวิสัยที่จะทำงานร่วมกันได้หรือไม่,
เราจะมีโอกาสได้เรียนรู้งาน หรือหัวหน้างานของท่านเป็นคนเก่งที่จะถ่ายทอดสอนงานให้มีความรู้ความสามารถในงานเพิ่มขึ้นได้อีกหรือไม่,
ตัวท่านเองมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง, พร้อมที่จะสร้างสังคมใหม่คือหาเพื่อนร่วมงานใหม่,
พร้อมปรับตัวกับสถานที่ทำงานใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน
และงานใหม่มีความท้าทาย หรือมีอะไรให้ได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น
หรือมีงานอะไรอย่างที่อยากจะทำมากน้อยแค่ไหน, มีโอกาสจะเติบโตก้าวหน้าในที่ใหม่มากน้อยแค่ไหน
(เสียดายว่าท่านไม่ได้ให้ข้อมูลมาว่าตำแหน่งที่ใหม่สูงขึ้นกว่าเดิมหรือไม่)
เป็นต้น
ผมอยากให้นั่งนิ่ง ๆ แล้วลองทบทวนและสำรวจตัวเองดูให้ดี
ๆ
หากท่านยังเห็นว่าถ้าอยู่กับบริษัทในปัจจุบันแล้วยังมีโอกาสก้าวหน้า, หัวหน้ายังสนับสนุน,
ได้เรียนรู้งานเพิ่มขึ้น, บริษัทยังมีโอกาสเติบโตต่อไปได้
ก็ควรตัดสินใจอยู่ที่เดิม
แต่ถ้าสัมพันธภาพของท่านกับหัวหน้าไม่ดี, ขาดโอกาสก้าวหน้า,
ทำงานไปเขาก็ไม่เห็นผลงาน, มักจะเอาเปรียบเรามาโดยตลอด
ที่ปรับเงินเดือนเพิ่มให้เราก็เพราะยังหาคนมาทำแทนเราไม่ได้
อย่างนี้ก็ตัดสินใจไปที่ใหม่เถอะครับ
มีคำพูดหนึ่งที่น่าคิดคือ “เราไม่ควรทำสงครามในสมรภูมิที่เราไม่มีโอกาสชนะ” ดังนั้น ท่านก็ต้องมาประเมินตัวเองดูว่าตัวเราเองยังมีโอกาสจะชนะในสนามปัจจุบันหรือไม่
ถ้ายังมีโอกาสชนะก็อยู่ต่อ
แต่ถ้าประเมินแล้วว่าไม่มีโอกาสชนะ และตัวของท่านเองมีความสามารถ
(Competency)
มีฝีมือ มีผลงานที่พร้อมจะชนะได้ในสนามอื่นก็ลงแข่งที่สนามใหม่ดีกว่าครับ
เพราะคำตอบสุดท้ายจะอยู่ที่ตัวของท่านเอง ถ้าท่านเป็นคนมีฝีมือ
มีศักยภาพ มีขีดความสามารถแล้วไม่ว่าจะทำงานอยู่ที่ไหนก็มีคนต้องการท่านอยู่ดี
ตราบใดที่เรายังมีการพัฒนาตัวเอง สร้างผลงานดี ๆ ออกมาแล้ว
คนรอบข้างย่อมจะมองเห็นได้เสมอ และท่านก็จะเป็นที่ต้องการไม่ว่าจะเป็นที่บริษัทเดิม
หรือบริษัทใหม่ต่อไปในอนาคตก็ตาม
ที่สำคัญคืออย่ามองแค่การตัดสินใจเพียงครั้งนี้นะครับ
เพราะต่อไปเรื่องทำนองนี้ก็คงจะเกิดขึ้นอีก ซึ่งท่านก็จะต้องมาตัดสินใจอีกว่าจะอยู่ที่เก่าหรือไปที่ใหม่ดี?
การตัดสินใจย่อมมีโอกาสถูกต้องและผิดพลาด
แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องจำความผิดพลาดไว้เป็นประสบการณ์เตือนใจเพื่อระวังป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำสอง
ขอให้ตัดสินใจได้ถูกต้องในครั้งนี้นะครับ
.......................................