“เพื่อนฝากผมมาให้ถามอาจารย์ว่าเขาถูกหัวหน้าปฏิบัติไม่ดีกับเขามาก ๆ ถ้าเขาจะลาออกโดยไม่ยื่นใบลาออก คือวันพรุ่งนี้เขาจะไม่ไปทำงานที่บริษัทนั้นอีกต่อไปได้ไหมครับ”
เรื่องที่ผมคิดว่าคนที่เป็นหัวหน้าหรือ
HR จะพบเจออยู่ในปัจจุบันก็คือการที่พนักงานลาออกไปโดยไม่ยื่นใบลาออกแต่จะใช้วิธีหายไปเฉย
ๆ ไม่บอกกล่าวอะไร โดยเฉพาะพนักงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่บางคนเมื่อทำงานไปแล้วไม่ชอบงานที่ทำก็หายจ้อยไปเฉย
ๆ โดยไม่เขียนใบลาออกซะงั้น ทั้ง ๆ ที่ทุกบริษัทจะมีกฎระเบียบเรื่องการลาออกคล้าย
ๆ กันคือหากพนักงานที่อยากจะลาออกก็ต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้า 30 วัน
Back to the basic เราลองกลับมาดูเรื่องของการลาออกในกฎหมายแรงงานกันก่อนดีไหมครับ?
ผมขอยกบางส่วนของมาตรา 17 เฉพาะในส่วนของการลาออกมาดังนี้ครับ
“มาตรา ๑๗
สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ในกรณีที่สัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา
นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบ
ในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด
เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็ได้
แต่ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน....”
จากมาตรา 17 ข้างต้นอธิบายภาษาชาวบ้านก็คือ
1.
สัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลาก็หมายถึงสัญญาจ้างพนักงานประจำนั่นแหละครับ
2. ถ้าพนักงานจะลาออกก็ควรจะต้องทำเป็นหนังสือแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าแต่ไม่ต้องแจ้งล่วงหน้าเกิน
3 เดือน
ซึ่งปกติทั่วไปบริษัทต่าง ๆ มักจะมีระเบียบเรื่องการลาออกคือให้พนักงานยื่นใบลาออกล่วงหน้า
30 วันหรือ 1 เดือนซึ่งก็ถือว่ายังอยู่ในระยะเวลาตามมาตรา
17 ครับ
เอาล่ะครับ..อธิบายมาถึงตรงนี้ก็เชื่อว่าท่านจะทราบหลักของการลาออกกันแล้วนะครับ
นั่นคือถ้าพนักงานที่จะลาออกกลับทำตัวเป็นนินจาหายไปเฉย
ๆ แล้วไม่ยื่นใบลาออกโดยแจ้งให้บริษัททราบล่วงหน้าก็ถือว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรา 17
เพราะแม้พนักงานจะอ้างว่า
“ก็บอกหัวหน้าแล้วนี่ว่าจะลาออกก็น่าจะพอแล้ว” แต่พูดแล้วไม่มีเอกสารหลักฐานอะไรมายืนยันกับบริษัทว่าต้องการจะลาออกนี่ครับ!
ดังนั้นถ้าพนักงานอ้างว่าบอกหัวหน้าไปแล้วว่าจะลาออกแต่ไม่ยื่นใบลาออกแล้วเล่นหายไปเฉย
ๆ นี่บริษัทก็อาจจะถือเป็นสาเหตุการเลิกจ้างเนื่องจากพนักงานละทิ้งหน้าที่ 3 วันทำงานติดต่อกันขึ้นไปโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ซึ่งเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 119
และที่สำคัญคือหากบริษัทเลิกจ้างพนักงานในความผิดข้อนี้
บริษัทก็ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยและค่าบอกกล่าวล่วงหน้าใด ๆ ทั้งสิ้น
ถ้าเรื่องนี้เป็นคดีไปถึงศาลก็ต้องมาสืบพยานกันให้วุ่นวายอีกว่าพนักงานพูดว่าจะลาออกจริงหรือไม่
เมื่อไหร่ ฯลฯ แค่คิดก็วุ่นแล้วครับ แต่ถ้าพนักงานยื่นใบลาออกก็จะมีความชัดเจนและไม่ต้องมาวุ่นวายแบบนี้
แถมพนักงานยังเสียประวัติอีกต่างหากเพราะเวลาไปทำงาน
(ทดลองงาน) ที่บริษัทแห่งใหม่แล้วเขาเช็คประวัติกลับมาที่บริษัทเดิมแล้วที่เดิมก็ให้ข้อมูลไปว่า
“ถูกเลิกจ้าง” ไม่ใช่การลาออกตามปกติ นี่ท่านว่ามันจะดีกับตัวเราไหมล่ะครับ?
หวังว่าท่านที่คิดจะลาออกโดยไม่ยอมยื่นใบลาออกคงจะทราบแล้วนะครับว่าอะไรควรทำ
อะไรไม่ควรทำ ถึงแม้หัวหน้าหรือบริษัทจะมีพฤติกรรมไม่ดีกับเรายังไงการตาม
ถึงหัวหน้าจะร้ายแต่เราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ร้ายเหมือนหัวหน้าก็ได้นี่ครับ
การไปแกล้งป่วนหัวหน้าหรือป่วนบริษัทด้วยการอ้างว่าบอกลาออกด้วยปากเปล่าแล้วไม่ยื่นใบลาออกน่ะ
มันไม่เป็นผลดีกับใครเลยแม้แต่กับตัวเองก็ตาม
แต่การแสดงเจตนาลาออกด้วยการเขียนและยื่นใบลาออกให้ทางบริษัทอย่างถูกต้องชัดเจนด้วยความเป็นมืออาชีพจะทำให้ไม่เกิดปัญหาวุ่นวายตามมาในภายหลังจะดีกว่าไหมครับ
………………………………
ฟังพ็อดแคสต์คลิ๊ก