ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่อยากจะรู้เรื่องลับ ๆ
ไม่ว่าจะเป็นความลับส่วนบุคคล, ความลับของหน่วยงาน, ขององค์กร ฯลฯ ยิ่งลับยิ่งอยากรู้
ในขณะที่ก็จะมีคนอีกจำนวนหนึ่งเหมือนกันที่พอรู้ความลับก็เก็บเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อรู้เรื่องที่ลับ ๆ มาก็อยากจะ “แฉ” ไม่ว่าจะแฉแต่เช้าหรือแฉยันเย็นยันดึกก็อดใจไว้ไม่ได้จะต้องหาทางไปนั่งเม้าท์มอยบอกเพื่อน
บอกญาติพี่น้อง ฯลฯ ระบายความลับเหล่านั้นออกไปบ้างไม่งั้นจะรู้สึกเหมือนอกจะแตกเสียให้ได้
ซึ่งพวกนี้ก็อาจจะเป็นพวกที่เรียกว่า “อะไรที่เรารู้
(ความลับเรื่องอะไรก็ตาม)....โลกต้องรู้”
จากที่ผมเกริ่นนำมาข้างต้นก็เพื่อต้องการจะนำท่านเข้าสู่เรื่องของ
HR
กับความลับนี่แหละครับ !!
อยากจะฝากข้อคิดกับคนทำงานอาชีพ HR ด้วยกันว่า การทำงาน
HR นั้น
เราจะต้องเป็นคนกลางระหว่างผู้บริหารกับพนักงานซึ่งจะต้องได้รับรู้เรื่องราวของทั้งสองฝ่ายและจะได้ยินได้ฟังเรื่องลับ
ๆ ของทั้งสองฝ่ายนี้อยู่เป็นประจำ เช่น....
1.
หลังจากประชุมกับฝ่ายบริหารเรื่องขึ้นเงินเดือนประจำปีเสร็จแล้วเดินออกมาจากห้องประชุม
สักประเดี๋ยวจะมีคนโทรศัพท์มาถามแล้วว่าเขาจะได้ขึ้นเงินเดือนครั้งนี้กี่เปอร์เซ็นต์
2.
หลังจากประชุมพิจารณาเลื่อนตำแหน่งพนักงานเสร็จ
สักพักก็จะมีคนโทรมาถามว่าผลการพิจารณาเป็นยังไง
ลูกน้องของเขาได้รับการเลื่อนหรือไม่ ในที่ประชุมพูดอะไรกันบ้าง ฯลฯ
3.
พนักงานมานั่งปรับทุกข์ในเรื่องปัญหาทางบ้านที่ทะเลาะกับภรรยาอยู่บ่อย
ๆ เพราะภรรยาเป็นคนขี้หึงชอบระแวงว่าสามีจะไปมีกิ๊กทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างนั้นสักหน่อยกับ
HR เพราะคิดว่าเผื่อจะได้คำแนะนำอะไรดี ๆ บ้าง
4.
ฯลฯ
นี่ยังไม่รวมถึงการนำข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครงาน
เช่น เงินเดือน, ตำแหน่งงานไปเที่ยวบอกเม้าท์เที่ยวไปบอกกับผู้บริหารหรือพนักงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องอีกต่างหากนะครับ
จากตัวอย่างข้างต้น
ถ้าหากคนทำงาน HR
จะต้องเข้าไปรับทราบข้อเท็จจริงต่าง ๆ แล้วเกิดเป็นคนที่เก็บความลับไว้ไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น?
ที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างก็เพื่ออยากจะให้ข้อคิดเตือนใจคนทำงาน
HR ว่านี่คือจรรยาบรรณของคนทำงาน
HR แบบมืออาชีพที่จะต้องเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้เป็นความลับ
เพราะยิ่งพูดออกไปยิ่งมีแต่จะทำให้เกิดความเสียหายและเกิดผลกกระทบต่อองค์กรและตัวบุคคล
แต่คนบางคนอาจจะไม่คิดอย่างนั้น
เพราะเขาจะคิดว่ายิ่งได้แพลมความลับออกไปเป็นระยะ ๆ
ก็จะเป็นการสร้างความสำคัญให้กับตัวเองประมาณว่าฉันก็เป็นแหล่งข่าวแบบ Insider คนหนึ่งที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ดีนะ ฉันอยู่ใกล้แหล่งข่าว ฉันรู้จริง ฯลฯ
ประมาณว่าถ้าฉันรู้โลกต้องรู้!
ผมจะถือหลักว่าถ้าเรื่องที่ผมรู้เป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดความเสียหายกับองค์กรหรือตัวบุคคล
หรือเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นแล้ว ผมก็จะหาวิธีบอกเรื่องเหล่านี้กับผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างระมัดระวังเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อเตรียมตัวแก้ไขปัญหานั้น
ๆ
จากที่ผมแชร์ประสบการณ์มาทั้งหมดก็เพื่ออยากจะให้เพื่อน
ๆ ที่ทำงาน HR
(ซึ่งพูดรวมไปถึงคนที่ไม่เคยทำงานด้าน HR แต่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นผู้บริหารในฝ่าย
HR) ได้มีวิจารณญาณที่ดีในเรื่องเหล่านี้
และควรจะตั้งสติยั้งคิดให้ดีถือหลักที่ว่า
คิดก่อนพูดและไม่ต้องพูดทุกอย่างที่เราคิดก็ได้นะครับ
เนื่องจากการทำงาน HR เป็นงานที่ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายพนักงาน HR จึงควรจะต้องเก็บรักษาความลับอย่างเหมาะสมทั้งของทางด้านผู้บริหารและด้านพนักงาน
HR มืออาชีพจะต้องมีวิจารณญาณที่ดีและแยกแยะได้ว่าเรื่องใดควรพูดหรือเรื่องใดไม่ควรพูด
เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายกับองค์กรในภาพรวม
หรือเกิดความเสียหายกับตัวบุคคลที่เป็นแหล่งข่าว
เรื่องการเก็บความลับจึงถือว่าเป็นจรรยาบรรณสำคัญเรื่องหนึ่งในงาน
HR
ถ้าคนทำงาน
HR
ขาดคุณสมบัติด้านนี้ผมว่าก็คงเป็นได้แค่มีอาชีพทำงาน HR และเป็นเพียง HR อุปโลกน์เท่านั้นแหละครับ
............................................