อย่างที่ผมได้เล่าให้ทราบในตอนที่แล้วว่าอิทธิพลของความเครียดในด้านบวกจะมีผลดีคือทำให้คนเรามีความตื่นเต้นกับชีวิตกันบ้าง
ชีวิตจะได้มีรสชาดกับเขาบ้างไม่จืดชืด
ในขณะที่ความเครียดในด้านลบก็จะทำให้คนรู้สึกหดหู่ เศร้า ท้อแท้ เบื่อหน่าย ดังนั้นคนจึงต้องมีการจัดการกับความเครียดอย่างสมดุล
ต้องยอมรับความจริงนะครับว่าความเครียดจะมีผลกระทบต่อชีวิตของเราซึ่งวิธีการต่อไปนี้จะเป็นแนวทางที่ช่วยให้ท่านจัดการกับความเครียดได้ดังนี้ครับ
1. พักผ่อนให้เพียงพอและนอนหลับให้สนิท
ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะต้องการ การพักผ่อนที่แตกต่างกันไป เช่น บางคนนอน 6 ชั่วโมงก็พอในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจต้องการถึง
8 ชั่วโมง แต่อย่างไรก็ตามคนเราส่วนใหญ่ต้องการการพักผ่อนประมาณ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
ท่านลองจัดตารางการพักผ่อนนอนหลับให้เป็นเวลานะครับ
เพราะบางคนพอผิดเวลาแล้วเลยพาลนอนไม่หลับ เช้าขึ้นก็จะอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่พอ
ซึ่งจะทำให้มีภูมิต้านทานความเครียดลดลงได้
ในขณะเดียวกันท่านควรจะหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์,คาเฟอีน,นิโคติน
หรือการดูหนังประเภทตื่นเต้นก่อนนอนด้วยนะครับ
อ้อ! การเปิดเพลงเบา ๆ ก่อนนอนจะช่วยให้ท่านหลับสนิทดียิ่งขึ้น
2. ฝึกการหายใจ
ในเรื่องนี้สำหรับท่านที่เคยฝึกทำสมาธิมาแล้วจะเห็นถึงประโยชน์ของการกำหนดลมหายใจได้ดีกว่าคนที่ยังไม่เคยฝึกมานะครับ
โดยอย่างง่ายที่สุดก็คือเมื่อท่านรู้ตัวว่ากำลังเกิดความเครียดขึ้นแล้วให้ท่านหลับตาลง
แล้วสูดลมหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ช้า ๆ ติดต่อกันสัก 5 นาที
พร้อมตั้งสติให้เป็นกลางไม่จมไปกับความเครียดนั้นชั่วคราวจะทำให้ร่างกายของท่านสบายขึ้น
3. จัดชีวิตให้สมดุลระหว่างงานกับสันทนาการหรือกิจกรรมที่ท่านชอบ โดยท่านควรจะต้องมีการหยุดพักจากงานที่ทำอยู่เสียบ้าง
ไม่ใช่ว่าแม้แต่วันหยุดท่านก็ต้องนำงานกลับไปทำที่บ้านเป็น Workaholic หรือเป็นคนบ้างานแล้วจะไม่ให้เครียดยังไงไหวล่ะครับ
ในช่วงที่ท่านหยุดพัก
(ไม่ว่าจะเป็นพักร้อนหรือสุดสัปดาห์ก็ตาม) ท่านก็ควรจะทำกิจกรรมที่ท่านชอบเช่น
ร้องเพลง,ไปเที่ยวชายทะเลหรือต่างจังหวัด,ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ฯลฯ
ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ท่านมีพลังเพื่อกลับมาต่อสู้กับความเครียดในที่ทำงานได้ใหม่
4.
เตรียมสุขภาพของเราให้พร้อมรับกับความเครียด
ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัก 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์
โดยออกกำลังกายติดต่อกันครั้งละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเหยาะ (Jogging)
, ว่ายน้ำ , แอโรบิค , เดินเร็ว ฯลฯ
รวมถึงการรับประทานอาหารให้ครบหมู่ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ซึ่งจะทำให้ท่านมีสภาพร่างกายพร้อมที่จะต่อสู้กับความเครียดได้ดีกว่าคนที่ไม่เคยออกกำลังกาย
หรือรับประทานอาหารไม่ถูกหลัก แถมบางคนทำลายสุขภาพตัวเองด้วยการดื่มแอลกอฮอล์
หรือสูบบุหรี่ เที่ยวดึก นอนดึก ฯลฯ เป็นประจำอย่างนี้แล้วจะรับกับความเครียดได้ยังไงล่ะครับ
5. หาคนระบายเมื่อเกิดความเครียด
เพราะท่านไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี่ครับท่านยังมีเพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งในที่ทำงานหรือที่บ้าน หรือคนที่เป็นเพื่อนที่เราไว้ใจมารับฟังปัญหาของท่านเมื่อยามที่ท่านเผชิญความเครียดนะครับ
เพียงท่านไปพบหรือโทรศัพท์ไปปรึกษาหารือคนเหล่านั้น
ก็จะทำให้ท่านได้ระบายความเครียดออกไปได้แล้วครับ เผลอ ๆ
ท่านอาจจะได้รับคำชี้แนะดี ๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาที่เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขาได้อีกด้วย
6. เคลื่อนไหวร่างกายเสียบ้างเมื่อเครียด
เพราะบางครั้งการที่นั่งจมอยู่กับเก้าอี้อยู่เฉย ๆ เมื่อพบกับความเครียดอาจเป็นสาเหตุทำให้เราเครียดเพิ่มมากขึ้น
บ่อยครั้งที่กล้ามเนื้อบริเวณต้นคอกับไหล่ของท่านเกิดอาการเกร็งเพราะความเครียดจนรู้สึกได้
ดังนั้นการเปลี่ยนอิริยาบถ หรือออกเดินให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวเสียบ้าง เช่น
ท่านอาจจะเดินไปหาเพื่อนที่หน่วยงานใกล้เคียง , หรือเดินไปชงกาแฟก็จะมีส่วนทำให้ท่านผ่อนคลายขึ้นได้แล้วนะครับ
7. ลดการยึดมั่นถือมั่นยอมรับความเปลี่ยนแปลงได้
ต้องยอมรับก่อนนะครับว่าทุกสิ่งอย่างในโลก (แม้แต่ตัวของเราเอง) มีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่เพราะเราไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงก็เลยมองความเปลี่ยนแปลงเป็นลบ
หรือเป็นสิ่งไม่ดีเสียหมดลองคิดดูสิครับว่าทั้งท่านและผมเองก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ทุก
ๆ วันโดยที่ท่านไม่รู้ตัว ก็อายุหรือวัยไงครับ คนเรามีอายุมากขึ้นทุก ๆ
วินาทีที่ผ่านไป ไม่มีใครอยู่ยั้งยืนยงเป็นอมตะโดยไม่แก่ไปได้หรอกครับ เรื่องอื่น ๆ ก็ทำนองเดียวกันครับ
อย่าไปยึดมั่นถือมั่นฝังแน่นมากนะครับ
เพราะถ้าไม่เช่นนั้นท่านก็จะจมอยู่กับความเครียดอยู่เรื่อย ๆ แหละครับ
แน่นอนครับว่าความเครียดเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญซึ่งโดยธรรมชาติของคนทุกคนแล้วไม่มีใครอยากได้
หรืออยากจะให้เกิดขึ้นกับตัวหรอกครับ แต่ก็ไม่มีใครปฏิเสธความเครียดได้
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม
เพราะต่อให้ไม่ต้องทำงานอะไรเลยอยู่กับบ้านเฉย
ๆ ก็ยังเกิดความเครียดขึ้นได้เลย ก็เรายังเป็นมนุษย์ปุถุชนมีกิเลส
มีความรู้สึกนึกคิด มีค่านิยม ความเชื่อเป็นของแต่ละคนที่แตกต่างกันอยู่ก็ย่อมจะเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดได้อยู่เสมอแหละครับ
อยู่ที่ใครจะเท่าทันหรือมีการจัดการกับเจ้าความเครียดนี้ให้น้อยลงไป
หรือให้หายไปได้อย่างไรเพื่อให้เกิดความสมดุลในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานให้มากที่สุดครับ
...................................................