ก่อนหน้านี้ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับลูกน้องที่หัวหน้าอาจลืมไป
โดยอยากให้หัวหน้าได้เข้าใจในมุมมองของฝั่งลูกน้องไปแล้ว
เพื่อไม่ให้ได้เปรียบเสียเปรียบกัน
ในฐานะที่ผมเองก็เคยใส่หมวกความเป็นหัวหน้ามาแล้วเหมือนกัน
ก็เลยอยากจะเอาฟากฝั่งของหัวหน้ามาบอกให้คนที่เป็นลูกน้องได้เข้าใจธรรมชาติของคนที่เป็นหัวหน้าอย่างงี้ครับ
1. หัวหน้าต้องรับแรงกดดันและความมีเครียดสูงกว่าลูกน้อง
เพราะหัวหน้าไม่ใช่คนที่อยู่บนสุด
เหนือหัวหน้าก็ยังมีหัวหน้าที่เหนือกว่า ดังนั้นหัวหน้าจึงต้องรับแรงกดดันที่ถูกอัดลงมาจากข้างบนและถูกโวยจากข้างล่าง
(คือลูกน้อง) หวังว่าลูกน้องจะเข้าใจหัวหน้าบ้างว่าทำไมถึงมู้ดดี้พูดจาเสียงแข็งเสียงเข้มและดุในเวลาที่กดดันและเครียด
2. หลายเรื่องที่หัวหน้าสั่งให้ลูกน้องทำเป็นเรื่องนโยบายจากหัวหน้าระดับสูงกว่าซึ่งหัวหน้าก็ไม่ได้เห็นด้วยเสียทุกเรื่อง
แต่หัวหน้าก็ไม่สามารถจะไปพูดกับลูกน้องได้ว่า “พี่ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน”
เพราะจรรยาบรรณค้ำคออยู่ ทำให้ลูกน้องคับข้องใจว่าทำไมหัวหน้าถึงสั่งให้ทำในเรื่องที่
Nonsense
แถมหัวหน้าก็ไม่อธิบายบอกเหตุผลอะไรได้แต่บอกให้ทำไปเถอะ
3. หัวหน้าไม่อยากให้งานในความรับผิดชอบของตัวเองเสียหายในสายตาหัวหน้าที่เหนือขึ้นไป
ก็เลยเอางานสำคัญ ๆ ไปให้ลูกน้องที่ทำงานดีไว้วางใจได้แต่ไม่เกี่ยวข้องกับงานนั้นทำแทน
ซึ่งก็อาจจะทำให้ลูกน้องมือดีเหล่านี้หงุดหงิดใจว่าทำไมหัวหน้าต้องเอางานของคนอื่นมาให้เราทำด้วยเงินเดือนก็ได้แค่นี้เองจะเอาอะไรกันนักหนา
แต่ถ้าลูกน้องคนไหนสามารถปรับวิธีคิดใหม่ได้ว่านี่จะทำให้เราได้เรียนรู้งานใหม่เพิ่มขึ้น
ทำให้เราเก่งขึ้น ที่พี่เขาเอางานนี้ให้เราทำเพราะเขาไว้ใจเรา ฯลฯ ก็จะลดความหงุดหงิดเหล่านี้ลงได้
4. หัวหน้ามี
2
ประเภทหลักคือมุ่งงานกับมุ่งคน
หัวหน้าที่มุ่งงานจะทำทุกทางเพื่อให้งานที่รับผิดชอบบรรลุเป้าหมายซึ่งก็จะมีแนวโน้มเป็นเผด็จการและเน้นการลงโทษหากลูกน้องทำไม่สำเร็จ
ส่วนหัวหน้าที่มุ่งคนมักจะตามใจลูกน้องไม่เน้นผลสำเร็จของงานไม่กล้าว่ากล่าวเมื่อลูกน้องเกเร
ซึ่งลูกน้องมักจะไม่ชอบหัวหน้าประเภทมุ่งงานเพราะรู้สึกว่าหัวหน้าเอาแต่งานไม่สนใจความรู้สึกของลูกน้อง
และลูกน้องจะชอบหัวหน้าประเภทมุ่งคนเพราะรู้สึกว่าหัวหน้าอยู่ในโอวาทจะบอกอะไรพี่ก็ตามใจทุกเรื่อง
ใครจะได้หัวหน้าประเภทไหนอ่านตรงนี้แล้วจะได้เข้าใจสไตล์ของหัวหน้าของตัวเองนะครับ
5. หัวหน้ามักไม่ชอบลูกน้องที่เซลฟ์จัดจนเกินพอดีหรือทำตัวกระด้างกระเดื่องเสียงแข็ง
ลูกน้องอาจจะมีความคิดเห็นไม่ตรงกับหัวหน้าได้ แต่ควรอธิบายด้วยเหตุผลด้วยน้ำเสียงที่ไม่แข็งกระด้างหรือทำท่าดูถูกความคิดของหัวหน้าประเภทเบะปากมองบน
6. หัวหน้าชอบให้ลูกน้องรายงานความคืบหน้าของงานเป็นระยะโดยไม่ต้องให้หัวหน้าถาม
แต่ลูกน้องอาจคิดว่าถ้าหัวหน้าอยากรู้ก็ควรถามเองสิ
7. เวลาลูกน้องทำดีหัวหน้าไม่ค่อยจำ
แต่พอทำพลาดหัวหน้ามักไม่ค่อยลืม
8. หัวหน้ามีโอกาสเลือกลูกน้องได้
แต่ลูกน้องไม่มีสิทธิเลือกหัวหน้า
9. หัวหน้าไม่ชอบให้ลูกน้องพูดหักหน้า
โต้แย้งในที่สาธาณะหรือในห้องประชุม เมื่อหัวหน้าทำเรื่องผิดพลาดหรือพูดไม่ถูกต้อง
แม้ลูกน้องจะเป็นฝ่ายถูกหรือมีเหตุผลที่ดีก็ตาม
ลูกน้องควรหาโอกาสพูดกับหัวหน้าเป็นการส่วนตัวจะดีกว่า
10. แม้ลูกน้องจะมีเหตุผลที่ดีกว่าหัวหน้าก็ไม่ควรไล่ต้อนหัวหน้าให้จนมุมเพื่อให้ตัวเองชนะ
เพราะในที่สุดลูกน้องที่คิดว่าตัวเองเอาชนะหัวหน้าได้ก็อาจจะต้องแพ้ในที่สุด
11. กรณีที่หัวหน้ากับลูกน้องมีปัญหาขัดแย้งกันหนักหนาจริง
ๆ จนจำเป็นต้องเลือกว่าใครจะอยู่ใครจะไป บริษัทมักจะเลือกหัวหน้ามากกว่าลูกน้อง
12. หัวหน้าไม่ชอบลูกน้องที่ข้ามหัว
เช่น การไปฟ้องหรือไปรายงานเรื่องต่าง ๆ
กับหัวหน้าระดับสูงขึ้นไปโดยไม่บอกให้หัวหน้าโดยตรงให้รู้เสียก่อน
…………………………….