วันพฤหัสบดีที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2557

HALO EFFECT กับการบริหารงานบุคคล

            “สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เราคิด” ท่านว่าจริงไหมครับ ?

            เวลาที่ท่านไปซื้ออาหารท่านก็มักจะคิดว่าอาหารที่หน้าตาหน้ากินคงจะต้องอร่อย หรือร้านอาหารร้านนี้ยี่ห้อดังน่าจะทำอาหารอร่อยทุกอย่าง

            เมื่อเราซื้อมากินแล้วก็อาจจะตรงกันข้ามกับความคิดในครั้งแรก !!

            นี่แหละครับอิทธิพลของ Halo Effect !!

          แล้วมันมาเกี่ยวอะไรกันกับการบริหารงานบุคคลล่ะ ?

            เกี่ยวสิครับ เกี่ยวเยอะเสียด้วย ถ้าท่านเท่าทันหรือเข้าใจเรื่องของ Halo Effect อย่างน้อยก็จะทำให้ท่านลดความผิดพลาดในการบริหารงานบุคคลลงไม่น้อยเลยทีเดียว

            ผมขอเริ่มตั้งแต่ด่านแรกคือการตัดสินใจรับคนเข้าทำงานเลยนะครับ

            เช่น เวลาท่านสัมภาษณ์ผู้สมัครงาน หลายครั้งที่กรรมการสัมภาษณ์อ่านใบสมัครและประวัติของผู้สมัครงานแล้ว ถ้าพบว่าผู้สมัครงานเพิ่งจบการศึกษาจากสถาบันการศึกษายี่ห้อดัง (ในประเทศหรือต่างประเทศ) ก็จะมโนคิดไปแล้วว่าผู้สมัครรายนี้ต้องเก่ง ทำงานดี หรือถ้าผู้สมัครงานที่มีประสบการณ์ทำงานในบริษัทชื่อดังชั้นนำมาแล้ว (ยิ่งอยู่องค์กรต่างชาติมายิ่งดี) ก็จะเป็นคนทำงานดีเพราะเคยผ่านงานในองค์กรอินเตอร์ฯมาแล้ว จะต้องมาทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าได้อย่างแน่นอน

            ก็เลยตัดสินใจรับผู้สมัครดังกล่าวเข้ามาทำงาน เพียงเพราะกระบวนการคิดเชิงลำเอียง (Cognitive bias) แบบนี้แหละครับ !!

            เพราะความจริงก็คือผู้สมัครรายนี้อาจจะเป็นคนดี ทำงานเก่ง มีความรู้ความสามารถ ประสบความสำเร็จไปกับองค์กรต่อไปก็ได้
หรือในทางกลับกันผู้สมัครรายนี้อาจจะทำงานแล้วไม่ได้เรื่องเลยก็ได้เหมือนกัน !!

แต่อคติ (Bias) แบบ Halo Effect นี่แหละครับทำให้กรรมการสัมภาษณ์ตัดสินใจผิดพลาดแบบที่เรียกกันว่า....

“คนที่ใช่ก็ไม่รับ (Reject error) และคนที่รับก็ไม่ใช่ (Accept error)”  ยังไงล่ะครับ

            ผมเคยเจอผู้บริหารบางคนสรุปกับผมว่า “คนจบต่างประเทศก็ต้องพูดภาษาอังกฤษได้สิ”

          จริงหรือครับที่คนเรียนจบเมืองนอกทุกคนจะต้องพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่ว ?

ผมยกตัวอย่างอีกสักเรื่องก็ได้..ในการประเมินผลการปฏิบัติงานก็เช่นเดียวกัน

หลายครั้งที่หัวหน้าผู้ประเมินผลงานจะประเมินจากบุคลิกภาพ อุปนิสัยใจคอ หรือวัตรปฏิบัติของลูกน้องมากกว่าการประเมินที่ตัวผลงานที่ลูกน้องทำได้

เช่น....

ถ้าลูกน้องเป็นคนยิ้มแย้ม หน้าตาเป็นมิตร แจ่มใส พูดง่าย ใช้คล่อง มาเช้า-กลับดึก คอยซื้อข้าวกลางวันมาให้หัวหน้าอยู่บ่อย ๆ ก็มักจะประเมินผลว่าลูกน้องคนนี้เป็นคนมีหน่วยก้านดี ทำงานดี

หัวหน้างานจะไม่ได้ประเมินที่ตัวผลงาน (Output) ที่ลูกน้องทำได้จริง พูดง่าย ๆ ว่าหัวหน้าไม่เคยเอา JD (Job Description) ของลูกน้องคนนี้มาดูด้วยซ้ำไปว่าเขาทำงานได้ตามหน้าที่รับผิดชอบใน JD หรือไม่

ยิ่งถ้าองค์กรไหนยังไม่ได้ใช้การประเมินผลงานแบบกำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมาย (Key performance indicators-KPIs) ที่ชัดเจนด้วย ก็จะมีแนวโน้มที่หัวหน้าจะประเมินลูกน้องอย่างที่ผมบอกมานี่เสียเป็นส่วนใหญ่แหละครับ

ในที่สุดก็จะทำให้เสียลูกน้องที่ทำงานดีมีฝีมือ มีผลงาน ทำแต่งานตาม Job Description แต่หน้าตาไม่ดี ไม่หล่อไม่สวย หรือไม่ได้เป็นคนพูดง่ายใช้คล่องซื้อข้าวกลางวันมาให้หัวหน้า หรือทำรายงานวิทยานิพนธ์ให้กับหัวหน้าที่เรียนต่อภาคค่ำ ฯลฯ

ผมเล่ามาถึงตรงนี้เชื่อว่าท่านคงเห็นอิทธิพลของ Halo Effect บ้างแล้วนะครับ

เมื่อท่านได้ทราบและเท่าทันของอคติชนิดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าท่านคงจะต้องคอยเตือนสติตัวเองเพื่อลดอคติแบบนี้ซึ่งจะทำให้ลดปัญหาในการบริหารงานบุคคลให้น้อยลงได้อีกด้วย

ปิดท้ายข้อคิดของอคติแบบ Halo Effect คือ..


“อ่านหนังสือ..อย่าดูแค่ปก”