เมื่อทำงานไปแล้วทุกคนก็มีโอกาสจะเจ็บไข้ได้ป่วยกันบ้างเป็นธรรมดาของสังขาร
ซึ่งตามกฎหมายแรงงานเขาก็บอกไว้ในมาตรา 32 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง
ซึ่งการลาป่วยตั้งแต่ 3 วันทำงานขึ้นไปนายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือของสถานพยาบาลของทางราชการในกรณีที่ลูกจ้างไม่อาจแสดงใบรับรองแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือสถานพยาบาลของทางราชการ
ให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบ
ซึ่งนายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ่างให้ลูกจ้างในวันลาป่วยเท่ากับอัตราค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา
แต่ปีหนึ่งต้องไม่เกิน 30
วันทำงาน...
จากกฎหมายแรงงานที่ผมยกมาข้างต้นจึงสรุปแบบภาษาชาวบ้านได้ว่าลูกจ้างมีสิทธิที่จะลาป่วยได้ตามที่ป่วยจริง
(ไม่ใช่ลาป่วยได้ปีละ 30
วันทำงานอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดนะครับ)
และหากบริษัทอนุญาตให้ลาป่วยก็จะต้องจ่ายค่าจ้างให้ในวันที่ลาป่วยด้วย
(แต่จ่ายให้ไม่เกิน 30 วันทำงาน ถ้าหากปีใดพนักงานลาป่วยจริงเกินกว่า
30 วันทำงานส่วนที่เกิน 30 วันทำงานนั้นบริษัทอาจจะไม่จ่ายให้ก็ได้)
ที่ผมบอกมาทั้งหมดนั้นอยู่บนเงื่อนไขสำคัญว่า
“ในกรณีที่ลูกจ้างป่วยจริง ๆ” นะครับ !!
เพราะเรา ๆ ท่าน ๆ ก็จะทราบว่ายังมีพนักงานบางคนที่ “ไม่ได้ป่วยจริง”
แต่ไม่อยากจะมาทำงานก็เลยอ้างว่า “ป่วย” และขอลาป่วย
ซึ่งตามระเบียบของทุกบริษัทมีจะบอกไว้ว่า ในกรณีที่พนักงานจะลาป่วยให้ลาป่วยในโอกาสแรกที่จะทำได้
(เช่นโทรศัพท์) มาที่ผู้บังคับบัญชา (ซึ่งก็คือหัวหน้างานโดยตรงนั่นแหละครับ)
แต่ในทางปฏิบัติมักจะพบว่าพนักงานที่แกล้งป่วยมักจะโทรมาขอลาป่วยกับใครก็ได้ที่ไม่ใช่หัวหน้า
!!
ซึ่งการลาป่วยลักษณะนี้ก็มักจะลาไม่ให้ถึง 3 วันทำงานเพื่อจะได้ไม่ต้องไปหาใบรับรองแพทย์มายืนยันซะด้วยสิครับ
ปัญหาก็จะเกิดกับหัวหน้างานว่า....แล้วควรจะต้องอนุญาตให้ลาป่วยทุกรณีหรือไม่
?
ไม่อนุญาตได้ไหม ถ้าไม่ได้ป่วยจริง ?
จากปัญหาดังกล่าวตอบได้ดังนี้ครับ
1.
หากลูกน้องของท่านป่วยจริง
ก็ต้องอนุญาตให้ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้างตลอดเวลาที่ลาแต่ปีหนึ่งไม่เกิน 30 วันทำงาน (แต่ถ้าบริษัทจะใจดีจ่ายให้เกินกว่า 30 วันก็ไม่มีปัญหานะครับ)
2.
สำหรับกรณีลูกน้องที่มักจะชอบอู้งานโดยอ้างว่าลาป่วย
ท่านอาจจะไปเยี่ยมเยียนลูกน้องที่ลาป่วยที่บ้านหรือที่หอพักของเขาก็ได้
(แต่อย่าไปบอกเขาล่วงหน้าว่าจะไปเยี่ยม) ในกรณีที่เขาลาป่วยไม่ถึง 3 วันเพื่อไปดูว่าเขาป่วยจริงหรือไม่
ซึ่งท่านจะต้องรู้ทันลูกน้องประเภทมือวางอันดับหนึ่งจอมอู้พวกนี้
ถ้าไปเยี่ยมแล้วไม่อยู่ที่ห้องพักหรือเดินหน้าบานกลับมาห้องพัก
อย่างนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องอนุญาตให้ลาป่วยเพราะไม่ป่วยจริงและถือว่าขาดงานในวันนั้นได้เลยครับ
3.
หัวหน้างานจึงควรจะต้องแยกแยะให้ดีระหว่างลูกน้องที่ป่วยจริง
กับลูกน้องที่มักจะชอบอ้างว่าป่วย (แต่ไม่ได้ป่วยจริง) จะได้มีการปฏิบัติกับลูกน้องได้อย่างถูกต้องและเท่าทันลูกน้อง
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่
ฎ.1426/2531
“....กรณีมีพฤติการณ์แสดงว่าลูกจ้างไม่ได้ป่วย เป็นการหยุดงานไปโดยไม่จำเป็น
ถือว่าละทิ้งหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันสมควร เมื่อครบ 3 วันทำงานติดต่อกัน
นายจ้างเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย....”
หรือ ฎ.1815/2533 “....ลูกจ้างยื่นใบรับรองแพทย์ออกใบรับรองวันที่ป่วยไม่ตรงกับวันที่ลา
เมื่อนายจ้างปฏิเสธไม่อนุญาต เป็นการลาป่วยที่ไม่ชอบ ไม่ถือเป็นการลาป่วย
ถือว่าลูกจ้างขาดงาน....”
จากแนวคำพิพากษาศาลฎีกาข้างต้นคงจะเป็นคำตอบสำหรับหัวเรื่องในวันนี้ได้แล้วว่า...ถ้าลูกน้องของท่านไม่ได้ป่วยจริง
แล้วมาอ้างว่าป่วยและจะขอลาป่วยถ้าท่านพิสูจน์ได้อย่างที่ผมบอกไปในข้างต้น
(เช่นการไปเยี่ยมเยียนดูซิว่าป่วยจริงหรือไม่) ว่าเขาไม่ได้ป่วยจริง ก็ไม่ต้องอนุญาตให้ลาป่วยและจะถือว่าเป็นการขาดงานโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรอีกด้วยครับ
.......................................