วันนี้ผมมีเรื่องเงินทองของบาดใจมาแชร์กันอีกแล้ว
เรื่องของโบนัสไงครับ
!
การจ่ายโบนัสก็มักจะแบ่งออกเป็น
3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.
จ่ายเท่ากันทุกคน ๆ
ละกี่เดือนก็ว่ากันไป เช่น จ่ายให้คนละ 1 เดือนปีละครั้งเท่ากันทุกคน
2.
จ่ายตามผลการปฏิบัติงาน
ถ้าใครมีผลการประเมินดีก็ได้โบนัสเยอะ ใครถูกประเมินผลไม่ดีก็ได้โบนัสน้อย
หรือไม่ได้เลย (ถ้าผลการปฏิบัติงานแย่มาก ๆ ) เช่น ใครมีผลประเมินเกรด A ได้โบนัส
5 เดือน เกรด B ได้ 3 เดือน เกรด C ได้ 2 เดือน เกรด
D ได้ 1 เดือน เกรด E ไม่ได้โบนัส
3.
จ่ายแบบลูกผสมระหว่างข้อ 1 กับข้อ
2
เช่น จ่ายเท่ากันทุกคน ๆ ละ 1 เดือน
ส่วนที่เหลือก็ว่ากันตามผลการประเมินตามตัวอย่างข้อ 2 เรียกว่ายังไงทุกคนก็อุ่นใจว่ามีในกระเป๋าแน่
ๆ 1 เดือนครับ
จาก
3 ข้อข้างต้น องค์กรของท่านจ่ายโบนัสแบบไหนกันล่ะครับ ผมจึงขอนำข้อดี-ข้อด้อย
ของการจ่ายโบนัสทั้ง 3 รูปแบบมาให้ดูดังนี้
1.
จ่ายเท่ากันทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไข เช่น
ได้โบนัสคนละ 2
เดือนต่อปีเท่ากันหมดทั้งบริษัท
ข้อดี
-
คำนวณงบประมาณการจ่ายง่ายไม่ต้องคิดอะไรมากเพราะจ่ายเท่ากันทุกคน
ข้อด้อย
-
ไม่สร้างแรงจูงใจให้กับพนักงานที่ทุ่มเทตั้งใจทำงาน
เพราะคนขี้เกียจ คนทำงานแบบกลาง ๆ กับคนขยันมีผลงานดีก็ได้โบนัสเท่ากัน
ก็เลยทำให้พนักงานที่ทุ่มเทจะเห็นว่าไม่รู้จะขยันหรือทุ่มเทไปเพื่ออะไร
เพราะคนทำงานไปเรื่อย ๆ ก็ได้เท่ากับเรา
-
บางบริษัทที่ไปใส่เอาไว้ในสัญญาจ้างก็จะกลายเป็นสภาพการจ้างหรือข้อผูกมัดที่จะต้องจ่ายโบนัสตามสัญญาไม่ว่าบริษัทจะขาดทุนยังไงก็ต้องจ่ายซึ่งจะกลายเป็นภาระของบริษัทระยะยาว
เพราะสภาพการจ้างใดที่เป็นคุณกับลูกจ้างแล้วนายจ้างจะมายกเลิกภายหลังโดยลูกจ้างไม่ยินยอมไม่ได้ด้วยสิครับ
2.
จ่ายตามผลการปฏิบัติงาน
วิธีนี้บริษัทมักจะประกาศให้พนักงานทราบปีต่อปีโดยสงวนสิทธิในการบริหารจัดการเรื่องของโบนัสเอาไว้ว่า
ถ้าบริษัทมีผลการประกอบการดีสามารถจ่ายได้บริษัทก็จะพิจารณาจ่ายโบนัส
แต่ถ้าปีไหนผลการประกอบการไม่ดีบริษัทก็จะพิจารณาไม่จ่ายได้
และยังรวมถึงว่าถ้าหากพนักงานคนใดมีผลการปฏิบัติงานดีบริษัทก็จะพิจารณาจ่ายโบนัสให้เยอะกว่าพนักงานที่มีผลการปฏิบัติงานไม่ดี
หรือพนักงานคนไหนผลการปฏิบัติงานแย่มาก ๆ
บริษัทก็อาจไม่จ่ายโบนัสกับพนักงานคนนั้นก็ย่อมได้
ข้อดี
-
พนักงานที่ขยัน
มีผลการปฏิบัติงานดีก็จะมีกำลังใจในการทำงานให้ดียิ่งขึ้น
ในขณะที่พนักงานที่ไม่ขยัน
ไม่มีผลงานบางคนก็อาจจะต้องลาออกไปเพราะรับไม่ได้กับการไม่ได้รับโบนัส
-
บริษัทมีหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสที่ชัดเจน
และไม่ผูกมัดเป็นสภาพการจ้างที่จะต้องมาจ่ายกันทุกปีทั้ง ๆ ที่บริษัทขาดทุนจวนเจ๊ง
ซึ่งจะเกิดความยืดหยุ่นในทางปฏิบัติและสามารถควบคุม Staff Cost ได้ดีกว่าเพราะจะจ่ายให้กับคนที่สมควรได้รับโบนัสจริง ๆ
ข้อด้อย
-
พนักงานอาจเกิดการชิงดีชิงเด่น
แย่งผลงานกันเพื่อให้ตัวเอง (หรือทีมงานของตัวเอง) ได้โบนัสมากกว่าคนอื่น
(หรือทีมงานอื่น) ใครจะเป็นยังไงก็ช่างขอให้ฉันได้โบนัสก็พอ
3.
จ่ายแบบผสมทั้งเท่ากันทุกคนและตามผลงาน
(ข้อ 1
+ ข้อ 2) ในการจ่ายแบบนี้ก็ยังมีบ้าง
ซึ่งข้อดี-ข้อด้อยก็จะเป็นการผสานระหว่างข้อดีและข้อด้อยของข้อ 1 และ 2 ข้างต้นครับ
แล้วควรจะจ่ายโบนัสแบบไหนดี
?
จากที่ผมได้พูดคุยในบริษัทต่าง
ๆ ส่วนใหญ่จะมีการจ่ายโบนัสตามข้อ 2 คือตามผลงาน
(และผลการประกอบการของบริษัท) ครับ ส่วนการจ่ายแบบเป็นประจำเท่ากันทุกคนมีแนวโน้มจะน้อยลงไปเรื่อย
ๆ เพราะไม่จูงใจให้คนอยากทำงาน และการจ่ายแบบประจำเท่ากัน+ตามผลงานก็มีใช้อยู่แต่น้อยกว่าการจ่ายแบบตามผลงานครับ
ที่ผมเขียนมานี้ก็เพื่อให้ข้อคิดสำหรับท่านโดยเฉพาะธุรกิจ
SME
หรือเพิ่งก่อตั้งว่าจะมีแนวคิดในการจ่ายยังไง (หรือแม้แต่บริษัทที่มีวิธีการจ่ายแบบไหนแบบหนึ่งอยู่แล้วอยากจะทบทวนการจ่ายโบนัสใหม่)
คราวนี้ก็อยู่ที่องค์กรของท่านแล้วล่ะครับว่าจะมีนโยบายการจ่ายแบบไหน
ซึ่งผมได้ให้ข้อคิดเอาไว้แล้วข้างต้นครับ
………………………………………